แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าพร้อมด้วยโรงเรือนไว้กับโจทก์เป็นประกันหนี้ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกร้องให้ชำระหนี้และให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ในที่สุดทำยอมความโดยจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ครั้นผิดนัดโจทก์จึงนำยึดทรัพย์จำนองเพื่อบังคับคดีดังนี้ แม้ภายหลังการจำนองและก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยจำเลยจะได้ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ให้แก่ผู้ร้องและได้สละสิทธิให้ผู้ร้องยึดถือไว้แล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้สิทธิได้รับชำระหนี้ของโจทก์จากทรัพย์พิพาทหมดไป ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่
ย่อยาว
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลยอมชำระเงินแก่โจทก์แล้วผิดนัด โจทก์จึงนำยึดที่ดิน 1 แปลงพร้อมด้วยโรงเรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินนั้น 10 หลัง เพื่อบังคับคดี
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าเฉพาะที่ดินกับโรงเรือน 3 ห้องเป็นของผู้ร้อง โดยจำเลยขายให้และผู้ร้องครอบครองมาเกินกว่า 1 ปีแล้ว
โจทก์คัดค้านว่าทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดนี้จำเลยได้จดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ การซื้อขายระหว่างจำเลยและผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ
ในชั้นพิจารณา คู่กรณีรับข้อเท็จจริงกันโดยไม่สืบพยาน ว่าที่ดินของจำเลยที่มีโรงเรือน 3 หลังนั้นปลูกอยู่เป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ และทรัพย์ที่ผู้ร้องขัดทรัพย์นี้จำเลยได้จำนองไว้กับโจทก์ก่อนที่จำเลยทำสัญญากันเองขายให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่ดินนี้ไม่มีหนังสือสำคัญ ผู้ซื้อย่อมได้สิทธิครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367, 1377, 1378 เมื่อโจทก์นำยึดทรัพย์พิพาทจึงไม่ใช่เป็นของจำเลยเสียแล้ว พิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2501 จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์ไม่เกินจำนวน 50,000 บาท ในการนี้จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจดทะเบียนต่ออำเภอจำนองที่ดินกับสิ่งปลูกสร้างที่ยึดนี้ไว้แก่โจทก์เป็นประกันเงินกู้ด้วย ต่อมาเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2503 ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากันเองกับผู้ร้องขายที่ดินกับโรงเรือน 3 หลังรายพิพาทให้แก่ผู้ร้องและจำเลยได้สละสิทธิที่ดินและเรือนให้ผู้ร้องยึดถือได้ แล้วแต่วันทำสัญญา
เห็นว่า การที่จำเลยได้จำนองทรัพย์รายพิพาทแก่โจทก์ โจทก์ก่อนมีสิทธิเหนือทรัพย์รายนี้ ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 ก็บัญญัติไว้ว่าผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ฉะนั้น แม้ภายหลังการจำนอง ผู้ร้องจะได้กรรมสิทธิ์หรือได้สิทธิครอบครองโดยการโอนทรัพย์ก็ดี ก็ไม่ทำให้สิทธิได้รับชำระหนี้ของโจทก์จากทรัพย์พิพาทหมดไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน