คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่าโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายปอกัน โดยจำเลยซื้อปอไปจากโจทก์แล้วไม่นำเงินค่าปอมาชำระในวันที่ได้ตกลงไว้ แม้จะได้กล่าวว่า จำเลยมีเจตนาทุจริต คิดฉ้อโกงโจทก์มาแต่แรก ก็เป็นเรื่องผิดนัดผิดสัญญากันในทางแพ่ง มิใช่เป็นเรื่องจำเลยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยมิชอบ ดังนี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดฉ้อโกงโจทก์ เป็นคำบรรยายฟ้องที่ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2508 เวลากลางวัน จำเลยโดยเจตนาทุจริต ใช้อุบายหลอกลวงแกล้งปกปิดความจริง และเอาความเท็จมากล่าวแก่โจทก์ว่าจำเลยขอซื้อปอแก้วฟอกของโจทก์ 3,310 กิโลกรัม ราคา8,771 บาท เพื่อนำไปขาย จำเลยจะนำเงินค่าปอมาชำระภายในวันที่ 9 มกราคม 2508 ได้ทำหนังสือสัญญากันไว้ตามสำเนาท้ายฟ้อง ความจริงจำเลยตั้งใจจะนำเงินขายปอไปชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยจะนำเงินค่าปอมาชำระให้ตามที่จำเลยกล่าว จึงมอบปอแก้วฟอกให้จำเลยไปเมื่อจำเลยขายได้เงินในวันที่ 8 มกราคม 2508 แล้ว จำเลยกลับเอาไปชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์เสีย ไม่นำมาชำระให้โจทก์ โจทก์ทวงถาม จำเลยใช้อุบายหลอกลวงต่าง ๆ ไม่ยอมชำระให้ จำเลยไม่มีทรัพย์อื่นพอที่จะใช้ค่าปอให้โจทก์ได้ ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริต คิดฉ้อโกงโจทก์มาแต่แรก โจทก์เสียหาย เหตุเกิดที่ตำบลยางหวาย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วเห็นว่า ข้อหาของโจทก์เป็นการผิดสัญญาในทางแพ่ง จึงให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำบรรยายนี้เป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงซื้อขายปอกันโดยจำเลยซื้อปอไปจากโจทก์แล้วไม่นำเงินค่าปอมาชำระในวันที่ได้ตกลงไว้ เป็นการผิดนัดผิดสัญญากันในทางแพ่ง มิใช่เป็นเรื่องจำเลยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยมิชอบ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดฉ้อโกงโจทก์

จึงพิพากษายืน

Share