คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่พวกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายภายหลังที่จำเลยหยิบทรัพย์แล้ว เป็นการกระทำต่อเนื่องกันกับการลักทรัพย์ เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การที่จำเลยกับพวกจะพาทรัพย์หนีหรือเพื่อปกปิดการกระทำผิด หาใช่การชิงทรัพย์ขาดตอนแล้วไม่ จำเลยต้องร่วมรับผิดในผลที่พวกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคท้าย
โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2507 พยานโจทก์ต่างเบิกความยืนยันว่าเหตุเกิดตามวันดังกล่าว แต่แพทย์ผู้รับตัวผู้เสียหายได้ทำบันทึกการชันสูตรบาดแผลเขียนเลข 27 ติดต่อกัน ทำให้ดูคล้ายเลข 24 จึงทำให้ผู้คัดสำเนาบันทึกคัดเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในการพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง และแม้จำเลยจะได้รับสำเนาบันทึกการชันสูตรบาดแผลซึ่งคัดวันเกิดเหตุผิดพลาด ก็ไม่ทำให้จำเลยผิดหลงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ เพราะจำเลยรับอยู่แล้วว่าในวันเกิดเหตุจำเลยไปบ้านผู้เสียหายจริง ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้
โจทก์ฟ้องว่า เกิดเหตุตำบลป่าไผ่ แม้พยานโจทก์บางปากจะเบิกความว่าที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ที่ 2 ไม่ตรงกับรายงานชันสูตรพลิกศพว่าเหตุเกิดในหมู่ที่ 4 ทางพิจารณาก็ฟังได้ว่าเหตุเกิดที่บ้านผู้ตายซึ่งอยู่ในตำบลป่าไผ่ตรงตามฟ้องนั่นเอง ทั้งจำเลยก็ยอมรับว่าได้ไปที่บ้านที่เกิดเหตุจริง ปัญหาฐานที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ที่ 2 หรือ หมู่ที่ 4 ของตำบลป่าไผ่ จึงไม่ใช่ข้อแตกต่างในสารสำคัญแห่งคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2507 จำเลยกับพวก 1 คนร่วมกันลักวิทยุ 1 เครื่องของนางคำออนไปโดยทุจริต โดยจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงนางคำออนและนายเรียง จนนางคำออนรับอันตรายสาหัส และนายเรียงถึงแก่ความตาย ทั้งนี้โดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 288, 289 และให้ใช้ราคาทรัพย์

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำผิดตามฟ้อง แต่ไม่เป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6) หรือ (7) พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 339 288 ให้ลงโทษตามมาตรา 288 จำคุกจำเลย20 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยร่วมกับพวกลักวิทยุของนางคำออนผู้เสียหายและใช้อาวุธปืนยิงนายเรียงถึงแก่ความตาย และยิงนางคำออนบาดเจ็บสาหัส

แต่รูปคดียังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกันกับพวกของจำเลยตั้งใจจะฆ่าผู้เสียหายมาแต่ต้น จำเลยจึงไม่ควรมีความผิดฐานร่วมกันเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 แต่การที่พวกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย ภายหลังจากที่จำเลยหยิบวิทยุของผู้เสียหายเห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันกับการลักทรัพย์ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การที่จำเลยกับพวกจะพาทรัพย์หนีไป หรือเพื่อปกปิดการกระทำผิด หาใช่การชิงทรัพย์ขาดตอนแล้วไม่ จำเลยต้องร่วมรับผิดในผลที่พวกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้ายด้วย

จำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง อันเป็นสารสำคัญ 2 ประการ ประการแรก โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2507 แต่ทางพิจารณาได้ความตามคำเบิกความของนายแพทย์สมศักดิ์พยานโจทก์ประกอบด้วยสำเนาบันทึกการชันสูตรบาดแผลซึ่งจำเลยส่งมาท้ายฟ้องอุทธรณ์ว่า เหตุเกิดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2507 ประการที่ 2 เกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุ ตามรายงานชันสูตรพลิกศพว่าเหตุเกิดหมู่ที่ 4 ตำบลป่าไผ่ แต่พยานโจทก์ว่าเหตุเกิดในหมู่ที่ 2 ไม่ตรงกัน

ศาลฎีกาเห็นว่า เกี่ยวกับวันเกิดเหตุ พยานโจทก์ต่างเบิกความยืนยันว่า เหตุเกิดในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2507 ตรงตามฟ้อง แต่แพทย์ได้รับตัวนางคำออนไว้เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2507 แต่นายแพทย์ผู้บันทึกการชันสูตรบาดแผลเขียนเลข 27 ติดต่อกัน ทำให้ดูคล้ายเลข24 จึงทำให้ผู้คัดสำเนาบันทึกคัดเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ อันเป็นความผิดพลาดของผู้คัดสำเนา ไม่ใช่ข้อเท็จในการพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง อย่างไรก็ดี แม้จำเลยจะได้รับสำเนาบันทึกการชันสูตรบาดแผลซึ่งคัดวันเกิดเหตุผิดพลาด ก็ไม่ทำให้จำเลยผิดหลงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ เพราะจำเลยยอมรับอยู่แล้วว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยไปบ้านผู้เสียหายจริง ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ สำหรับสถานที่เกิดเหตุโจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดตำบลป่าไผ่ แม้พยานโจทก์บางปากจะเบิกความว่าที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ที่ 2 ไม่ตรงกับรายงานชันสูตรพลิกศพว่าเกิดเหตุในหมู่ที่ 4 ก็อาจเป็นเพราะความเข้าใจผิดของพยานโจทก์หรือเจ้าหน้าที่ผู้ทำรายงานชันสูตรพลิกศพ ถึงอย่างไรทางพิจารณาก็ฟังได้ว่าเหตุเกิดที่บ้านผู้ตายซึ่งอยู่ในตำบลป่าไผ่ ตรงตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องนั่นเอง ทั้งจำเลยก็ยอมรับว่าได้ไปบ้านที่เกิดเหตุจริง ปัญหาว่าฐานที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ 2 หรือหมู่ 4 ของตำบลป่าไผ่ จึงมิใช่ข้อแตกต่างในสารสำคัญแห่งคดีไม่เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์

พิพากษายืน

Share