คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระเบียบการจ่ายเงินรางวัลฝิ่นของกรมสรรพสามิตที่มีข้อความระบุให้ข้าหลวงประจำจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจผู้กำกับการตำรวจ นายอำเภอหรือปลัดกิ่งอำเภอมีอำนาจรับแจ้งความจากผู้ขอรับเงินรางวัลนำจับได้นั้น เมื่อได้ส่งไปยังกรมศุลกากรและกรมตำรวจ จนกระทั่งกรมตำรวจได้ออกแจ้งความต่อไปอีกนั้น ไม่เพียงแต่เป็นระเบียบภายในเท่านั้น แต่เป็นการออกโฆษณาภายนอกซึ่งคำมั่นที่จะจ่ายเงินรางวัลตอบแทนให้แก่ผู้ช่วยเหลือราชการในการจับฝิ่น เข้าลักษณะออกโฆษณาให้คำมั่นจะให้รางวัลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 แล้ว
คำมั่นจะให้รางวัลตามระเบียบนี้ ถ้าจะไม่จ่ายเงินรางวัลหรือจ่ายน้อยกว่าระเบียบแล้ว จะต้องมีเหตุผลที่ชอบที่ควร หาใช่ว่าสุดแล้วแต่ใจโดยไม่มีเหตุที่ชอบที่ควรไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรับผิดชอบร่วมกันและแทนกันจ่ายเงินรางวัลฝิ่นให้โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 558,071.60 บาท กับดอกเบี้ยอีกเป็นเงิน 184,801 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์กับพวกเป็นผู้แจ้งความนำจับและทำการจับกุมฝิ่นรายนี้โดยชอบ มีสิทธิได้รับรางวัลนำจับตามระเบียบของกระทรวงการคลังจำเลย แต่ปรากฏว่าจับได้เฉพาะของกลาง ไม่มีตัวผู้ต้องหา โจทก์จึงมีสิทธิจะได้รางวัลเพียง 4 ใน 5 เท่านั้นจึงพิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2 จ่ายเงินรางวัล 446,457.28 บาทกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2498 จนกว่าจะใช้เงินเสร็จ

จำเลยที่ 1, 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1, 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลล่างที่ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าโจทก์ที่ 1 กับพวกจับฝิ่นรายนี้มาโดยชอบด้วยอำนาจหน้าที่ แล้วมาถูกพันตำรวจเอกจิตต์ กับพวกจับซ้อนขึ้นอีก ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่มาสู่ศาลฎีกามีดังนี้

1. พฤติการณ์ของโจทก์ไม่เป็นการจับตามประมวลกฎหมายหรือกฎหมายอื่นใดเลย เพราะไม่ได้จับบุคคลผู้กระทำผิดหรือสงสัยว่ากระทำผิด ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการจับฝิ่นของกลางโดยไม่ได้ตัวผู้กระทำผิด ต้องตามระเบียบการจ่ายเงินรางวัลฝิ่น พ.ศ. 2490 ข้อ 3 ค. แล้ว

2. ระเบียบการจ่ายเงินรางวัลฝิ่นเป็นเพียงระเบียบภายในไม่ใช่คำมั่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลตามระเบียบนี้ ข้อนี้ได้ความว่ากรมสรรพสามิตจำเลยได้ส่งระเบียบไปยังกรมศุลกากรและกรมตำรวจและกรมตำรวจยังได้ออกแจ้งความต่อไปอีก

ทั้งข้อความตามระเบียบข้อ 15 ที่ระบุให้ข้าหลวงประจำจังหวัดผู้บังคับการตำรวจ ผู้กำกับการตำรวจ นายอำเภอหรือปลัดกิ่งอำเภอซึ่งเป็นข้าราชการกรม กระทรวงอื่น มีอำนาจรับแจ้งความจากผู้ขอรับเงินรางวัลนำจับได้ เช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า ระเบียบการจ่ายเงินรางวัลฝิ่น ไม่เพียงแต่จะเป็นระเบียบภายในเท่านั้นหากเป็นการออกโฆษณาออกไปภายนอกซึ่งคำมั่นที่จะจ่ายเงินรางวัลตอบแทนให้แก่ผู้ช่วยเหลือราชการในการจับฝิ่น เข้าลักษณะโฆษณาให้คำมั่นจะให้รางวัลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 แล้ว

3. จำเลยโต้แย้งว่า หากจะถือว่าระเบียบการจ่ายเงินเป็นคำมั่นแล้ว ข้อ 19 แห่งระเบียบนี้ จำเลยว่าเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนอันจะสำเร็จได้หรือไม่แล้วแต่ใจของลูกหนี้เท่านั้น คำมั่นที่จะให้รางวัลตามระเบียบนี้ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 152 ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความตามข้อ 19 แห่งระเบียบนี้แปลความได้ว่าการไม่จ่ายเงินรางวัลหรือจ่ายน้อยกว่าระเบียบนั้นจะต้องมีเหตุผลและเมื่อว่ากันในทางระเบียบราชการแล้ว เหตุผลนั้นก็ต้องเป็นเหตุผลที่ชอบที่ควร หาใช่ว่าสุดแล้วแต่ใจโดยไม่มีเหตุผลที่ชอบที่ควรไม่ เพราะฉะนั้น ระเบียบหรือคำมั่นตามระเบียบนี้ไม่เป็นโมฆะ

ฎีกาจำเลยที่ 1, 2 ฟังไม่ขึ้นทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จึงพิพากษายืน

Share