คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องอุทธรณ์ที่มิได้ลงชื่อผู้อุทธรณ์ ย่อมเป็นฟ้องที่ไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67(5) และศาลอุทธรณ์ก็ชี้ขาดตัดสินฟ้องอุทธรณ์ไปโดยมิได้แก้ไขข้อบกพร่องให้บริบูรณ์ตามกฎหมายเสียก่อนนั้น ศาลฎีกาควรยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสีย แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคสองโดยให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์เสียให้บริบูรณ์ตามกฎหมาย แล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2508)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่นาของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร

จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของตน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โจทก์ครอบครองตลอดมา คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในเบื้องต้นควรพิจารณาข้อที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะโจทก์มิได้ลงชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ควรรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณา โดยถือว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์นั้นเสียก่อน

ในประเด็นข้อนี้ได้ความว่า โจทก์มิได้ลงชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์จริง ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดตัดสินฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไปโดยมิได้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวให้บริบูรณ์ตามกฎหมายเสียก่อน

ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาดังกล่าวข้างต้นโดยที่ประชุมใหญ่จริงเห็นว่าฟ้องอุทธรณ์ที่มิได้ลงชื่อผู้อุทธรณ์นั้น เป็นฟ้องที่ไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 วรรค 2 โดยให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์เสียให้บริบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อเป็นฟ้องอุทธรณ์ที่บริบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นจัดการให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์เสียให้ถูกต้อง เมื่อเป็นฟ้องอุทธรณ์ที่บริบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ค่าฤชาธรรมเนียมและทนายความหนึ่งร้อยบาท (100 บาท) ในชั้นนี้ให้ฝ่ายที่แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสีย

Share