แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน เมื่อหย่าขาดจากกันจำเลยยอมเป็นผู้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรและทำหนังสือสัญญากันไว้เป็นหลักฐานเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งอาจจะมีขึ้นสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ซึ่งกฎหมายบังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยขอนำสืบว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีบุตรด้วยกัน 2 คน โจทก์กับจำเลยได้ตกลงหย่าขาดจากกันโดยจำเลยตกลงให้โจทก์เป็นฝ่ายเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง จำเลยทำสัญญาจ่ายเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรให้แก่โจทก์ทุก ๆ เดือน แต่จำเลยจ่ายให้ไม่ครบ โจทก์ทวงถามจำเลยก็ปฏิเสธ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยสู้ว่า จำเลยได้จ่ายเงินให้บุตรทุกเดือน เป็นการให้โดยเสน่หาและโดยหน้าที่ศีลธรรม และตามความเหมาะสมแก่ความจำเป็นของบุตร โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีในนามส่วนตัว ขอให้ศาลยกฟ้อง
โจทก์จำเลยแถลงรับกันแล้ว จำเลยขอสืบพยานว่า โจทก์ยินยอมรับเงินจากจำเลยเดือนละ 800 บาท มิใช่ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนตามสัญญา
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความการแก้ไขข้อปฏิบัติต่อกันในสัญญาเป็นประการอื่น ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรจำเลยจะนำสืบแก้ไขข้อความในสัญญาไม่ได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ตามที่รับกันพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยาและมีบุตรด้วยกันเมื่อหย่าขาดจากกัน จำเลยยอมเป็นผู้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรและทำหนังสือสัญญากันไว้เป็นหลักฐาน เป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งอาจจะมีขึ้น สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมซึ่งกฎหมายบังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ การขอนำสืบของจำเลยเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามกฎหมายและประเด็นที่ว่าโจทก์ได้ยินยอมตกลงให้จำเลยชำระเงินเดือนละ 800 บาท จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรโดยอาศัยสัญญาประนีประนอมมิใช่ไม่ประสงค์เรียกเงินตามสัญญาประนีประนอม และโจทก์มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยทำสัญญาประนีประนอมกับโจทก์
พิพากษายืน