แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยแล้วว่าลักษณะงานของโจทก์ที่ต้องออกไปตรวจสอบอุบัติเหตุเมื่อได้รับแจ้งในเวลาทำงานปกติกับงานที่ทำในเวลาเข้าเวรเป็นงานอย่างเดียวกัน และการที่จำเลยให้โจทก์เข้าเวรหลังเวลาทำงานปกติถือเป็นการทำงานล่วงเวลา การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าแม้งานที่โจทก์ทำในเวลาทำงานปกติกับงานที่ทำในเวลาเข้าเวรจะเป็นงานประเภทเดียวกัน แต่รายละเอียดและความยากลำบากในการทำงานแต่ละช่วงแตกต่างกันจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการทำงานล่วงเวลานั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาแล้วเพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่เพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าโจทก์ทำงานล่วงเวลาหรือไม่ เป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าล่วงเวลาและค่าล่วงเวลาในวันหยุดที่ยังค้างชำระเป็นจำนวนเงิน 31,503.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (1 พฤษภาคม 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ตามขอ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งว่า การทำงานหลังเวลาทำงานปกตินั้นถือเป็นการปฏิบัติงานประจำต่อเนื่องอันเดียวกับการทำงานในเวลากลางวัน ซึ่งโจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ในเงื่อนไขการจ้างและสัญญาจ้างแรงงานก่อนจะร่วมงานกัน ซึ่งข้อเท็จจริงในรายละเอียดการปฏิบัติงานนั้นจะแตกต่างกับการปฏิบัติงานในเวลาทำงานปกติ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการทำงานล่วงเวลาตามกฎหมาย การที่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าการทำงานดังกล่าวเป็นการทำงานล่วงเวลา จึงมิชอบโดยกฎหมายและขัดกับเงื่อนไขข้อตกลงเกี่ยวกับการจ้างดังกล่าว โปรดรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่าลักษณะงานที่โจทก์ทำในเวลาทำงานปกติกับงานที่ทำในเวลาเข้าเวรเป็นงานอย่างเดียวกัน ไม่แตกต่างกัน คือต้องออกไปตรวจสอบอุบัติเหตุเมื่อได้รับแจ้ง การที่จำเลยให้โจทก์เข้าเวรหลังเวลาทำงานปกติถือได้ว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา จำเลยอุทธรณ์ว่า แม้งานที่โจทก์ทำในเวลาทำงานปกติกับงานที่ทำในเวลาเข้าเวรจะเป็นงานประเภทเดียวกันคือรับแจ้งเหตุและออกไปตรวจสอบอุบัติเหตุ แต่รายละเอียดและความยากลำบากแตกต่างกันคือ การปฏิบัติงานของโจทก์ในเวลาทำงานปกตินอกจากจะรอรับแจ้งเหตุและออกไปตรวจสอบอุบัติเหตุแล้ว ช่วงเวลาใดที่โจทก์ไม่ได้ออกไปตรวจสอบอุบัติเหตุ โจทก์จะต้องทำการตรวจเช็คเอกสาร จัดทำเอกสารและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถพักผ่อนหลับนอนได้ แต่การปฏิบัติงานหลังเวลาทำงานปกติ ถ้าโจทก์ไม่ได้ออกไปตรวจสอบอุบัติเหตุ โจทก์สามารถพักผ่อนหลับนอนอยู่ในสำนักงานได้ ไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอย่างเคร่งครัดเหมือนกับการทำงานในเวลาปกติ การทำงานของโจทก์ในเวลาทำงานปกติกับการทำงานในเวลาเข้าเวรจึงแตกต่างกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการทำงานล่วงเวลาเห็นได้ว่า จำเลยโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่เพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ว่า โจทก์ทำงานล่วงเวลาหรือไม่ อันเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”