คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หนี้ที่เกิดระหว่างเป็นสามีภริยากันมีบางอย่างเท่านั้นที่เป็นหนี้ ร่วม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482 เดิม โจทก์ฟ้องว่าว่าจำเลยซึ่งเป็นสามีภริยารู้เห็นยินยอมให้ภริยาออกเช็คแก่โจทก์ แล้วสามีกลับปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น โจทก์นำสืบว่าสามีรับรองว่าจะใช้หนี้ เป็นเรื่องนอกฟ้อง ฟังไม่ได้

ย่อยาว

จำเลยเป็นสามีภริยากัน เช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ จำเลยที่ 2 ภริยาออกเช็คลงวันล่วงหน้าให้แก่โจทก์ไว้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(3) โดยซื้อรถยนต์มาใช้ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน พิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้เงินตามเช็ค 40,000 บาท กับดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2ไปยืมเงินจำนวนนี้จากโจทก์เพื่อนำไปเช่าซื้อรถยนต์ ส่วนที่โจทก์นำสืบว่า เมื่อจำเลยที่ 2 หลบหนีไปแล้ว จำเลยที่ 1 รับจะใช้หนี้รายนี้ให้นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้ทวงถามหนี้จำเลยทั้งสอง จำเลยได้ปฏิเสธการชำระหนี้โดยอ้างว่าไม่รู้เห็นแต่อย่างใด ข้อนำสืบของโจทก์จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นรับฟังไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้หนี้รายนี้จะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นขณะที่จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน แต่หนี้ที่จะเกิดขึ้นแก่สามีหรือภรรยาในระหว่างที่เป็นสามีภรรยากันย่อมมีหลายอย่างด้วยกัน และเฉพาะแต่หนี้บางอย่างตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484 เท่านั้นจึงจะเป็นหนี้ร่วม เมื่อโจทก์นำสืบตามฟ้องไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 มายืมเงินจำนวนนี้จากโจทก์เพื่อนไปเช่าซื้อรถยนต์และจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2สั่งจ่ายเช็คหมาย จ.2 ให้โจทก์ หนี้ดังกล่าวก็ไม่เป็นหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2”

พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1

Share