คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2895/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์เคยพูดว่าจะยกที่ดินและเรือนพิพาทให้ ป. บุตรจำเลย โดย ป. ได้ไปช่วยทำนาให้โจทก์ คำพูดของโจทก์ที่ว่าจะยกให้นั้นก็เป็นเพียงคำมั่นว่าจะให้ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 526

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากเรือนและที่ดินของโจทก์

จำเลยให้การว่า เดิมที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของนายฉิ่งและจำเลยได้มอบให้นางบุญช่วยไปเป็นการชำระหนี้ ต่อมานายฉิ่งยืมเงินโจทก์ไปชำระหนี้คืนให้นางบุญช่วย นางบุญช่วยจึงคืนที่ดินและเรือนพิพาทให้นายฉิ่ง โจทก์ได้ขอนายประทุมบุตรจำเลยไปช่วยทำนาเพื่อใช้หนี้แก่โจทก์เป็นเวลา 10 ปี โจทก์กับนายฉิ่งจึงไม่มีหนี้สินต่อกัน กับต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองที่ดินและเรือนพิพาทเป็นเวลาเกิน 10 ปี จำเลยได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากที่ดินและเรือนหมายเลข 1, 2, 4 และ 5 ตามแผนที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ โดยโจทก์ซื้อมาจากนางบุญช่วย จำเลยและนายฉิ่งสามีซึ่งเป็นหลานโจทก์ได้อยู่ในที่ดินและเรือนพิพาทของโจทก์มาเกิน 10 ปีในฐานะครอบครองแทนโจทก์ และโจทก์ปฏิเสธว่าโจทก์ไม่เคยให้สัญญาว่าจะยกที่ดินและเรือนพิพาทให้นายประทุมบุตรจำเลย

ข้อที่ว่าโจทก์สัญญาว่าจะยกที่ดินและเรือนพิพาทให้นายประทุมนั้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะฟังได้ว่า โจทก์ได้เคยพูดว่าจะยกที่ดินและเรือนพิพาทให้นายประทุมจริงโดยนายประทุมได้ไปช่วยทำนาให้โจทก์ก็ตาม คำพูดของโจทก์ที่ว่าจะยกที่ดินและเรือนพิพาทให้นั้น เป็นเพียงคำมั่นว่าจะให้ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 526 เพราะโจทก์จะกลับใจเลิกที่จะยกให้นั้นเสียเมื่อไรก็ได้

พิพากษายืน

Share