คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หากจำเลยกล่าวขึ้นมึงกูต่อโจทก์ผู้เป็นบิดา ไม่นับถือโจทก์ว่าเป็นบิดาเปรียบโจทก์ว่าเป็นสุนัขและว่าโจทก์เป็นคนเลวไม่มีศีลธรรม จะฟ้องให้ต้องโทษถึงจำคุกจริงดังที่โจทก์บรรยายฟ้อง ย่อมทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ซึ่งโจทก์ย่อมฟ้องเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เป็นภริยาของจำเลยที่ 2 โจทก์ได้ยกที่ดิน 2 แปลงให้จำเลย จำเลยบังอาจหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าบุคคลหลายคนว่า “มึงกับกูเลิกเป็นพ่อแม่กันแล้ว พ่อกูไม่มีกู้ไม่นับถือมึงว่าเป็นพ่อ” และกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงว่า”บักเฒ่า ให้มึงระวังดี ๆ กูจะฟ้องมึงเข้าตะราง พ่อหมา ๆ แบบนี้” นอกจากนี้จำเลยยังได้กล่าวต่อบุคคลทั่วไปว่า จำเลยไม่ใช่ลูกโจทก์ โจทก์เป็นหมาโจทก์ไม่มีศีลธรรม และมีพฤติการณ์ข่มขู่โจทก์ เช่น ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า ทำให้โจทก์ได้รับความอับอายเสียชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง จำเลยได้ก้าวร้าวโจทก์ไม่มีสิ้นสุด เป็นการเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์จึงจะเรียกทรัพย์ที่ให้คืน ขอให้ศาลพิพากษาถอนคืนการให้ที่ดินแก่จำเลย ฯลฯ

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่ได้หมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าคำที่จำเลยกล่าวตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องไม่เป็นคำหมิ่นประมาทโจทก์และไม่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการกล่าวขึ้นมึงกูต่อโจทก์ผู้เป็นบิดาจำเลยที่ 1 ไม่นับถือโจทก์ว่าเป็นบิดา เปรียบโจทก์ว่าเป็นสุนัข และว่าโจทก์เป็นคนเลวไม่มีศีลธรรมทั้งว่าจะฟ้องโจทก์ให้ต้องโทษถึงจำคุก ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ซึ่งโจทก์ย่อมเพิกถอนการให้ที่ดินเพราะเหตุเนรคุณได้

พิพากษายืน

Share