คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวกับฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวต้องไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อผู้ให้เช่าบอกกล่าวให้ผู้เช่าออกไปจากที่เช่าแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่มีสิทธิที่จะอยู่ต่อไปโดยชอบด้วยกฎหมาย หากยังคงอยู่ต่อไปก็เป็นการละเมิดต่อผู้ให้เช่า และจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
คำให้การจำเลยมีว่า นอกจากจำเลยให้การรับโดยชัดแจ้งแล้วจำเลยขอปฏิเสธฟ้องโจทก์ทั้งสิ้นเป็นคำปฎิเสธไม่ชัดแจ้งว่าปฏิเสธในเรื่องใด อย่างใด จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2
เมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะอ้างอิงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 ให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวก่อนไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าแผงและที่ดินขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากแผงพิพาท ย่อมหมายถึงให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินที่ตั้งแผงนั้นด้วย การที่ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินที่ตั้งแผงจึงไม่เกินคำขอ หรือนอกฟ้องนอกประเด็น
เมื่อการเช่าที่ดินไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือโจทก์ย่อมฟ้องขับไล่ได้ จะอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
การงดสืบพยานนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาสั่งได้ตามควรแก่กรณีแห่งเรื่อง เพื่อให้คดีได้ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม

ย่อยาว

คดีทั้ง 18 สำนวนนี้ศาลทำการพิจารณาพิพากษารวมกัน

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของตลาดแผงลอยประตูน้ำ จำเลยได้เช่าแผงเพื่อประกอบการค้าขาย เทศบาลให้โจทก์ปรับปรุงอาคารและตลาดให้ถูกสุขลักษณะโจทก์บอกเลิกสัญญาคับจำเลย และให้จำเลยส่งมอบสถานที่เช่าคืน แต่จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลและมีอำนาจฟ้องหรือไม่ไม่รับรอง สัญญาเช่าแผงเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ต้องให้จำเลยเช่าจนตลอดชีวิตของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและเรียกค่าเช่าเพราะไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตโจทก์เคยตกลงกับจำเลยยินยอมให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 10 ปี โจทก์ต้องยอมให้จำเลยรื้อแผงแล้วปลูกแผงใหม่ให้จำเลยเช่าแผงละ 50 บาทต่อเดือนมีกำหนด 10 ปี

ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย โดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

จำเลยทุกสำนวนอุทธรณ์ขอให้รับฟ้องแย้ง

ศาลแพ่งดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปในระหว่างอุทธรณ์ สืบตัวจำเลยได้ 13 คน เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงสั่งงดสืบพยานจำเลยรวมทั้งพยานโจทก์แล้วพิพากษาว่า การเช่ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว การอยู่ต่อไปจึงเป็นการละเมิดไม่มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างจำเลยกับโจทก์ โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเช่า แต่เรียกค่าเสียหาย มิได้ฟ้องบังคับตามสัญญาเช่า แต่ฟ้องขับไล่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์เป็นนิติบุคคลฟ้องคดีได้ ให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยทุกสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้งและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีถูกต้องแล้ว พิพากษายืน

จำเลยทุกสำนวนเว้นแต่นายประเสริฐฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นกรณีอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ จำเลยชอบที่จะไปฟ้องเป็นคดีต่างหากการเช่าที่ดินรายนี้เป็นการเช่าธรรมดาไม่มีสัญญาต่างตอบแทน และมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยไม่มีสิทธิที่จะอยู่ต่อไปโดยชอบด้วยกฎหมายในเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว การที่จำเลยคงอยู่ต่อไปจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ จำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น ที่จำเลยว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่ได้ให้การปฏิเสธในเรื่องโจทก์บอกเลิกการเช่าเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า คำปฏิเสธของจำเลยมีว่า นอกจากจำเลยให้การรับโดยชัดแจ้งในคำให้การนี้แล้วจำเลยขอปฏิเสธฟ้องของโจทก์ทั้งสิ้น คำปฏิเสธของจำเลยเป็นคำปฏิเสธไม่ชัดแจ้งว่าปฏิเสธในเรื่องใด อย่างใด ไม่แสดงเหตุผล ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธการบอกเลิกสัญญาของโจทก์ และเนื่องจากการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะอ้างอิงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 ให้ผู้เช่าต้องบอกกล่าวก่อนไม่ได้ ที่ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินตั้งแผงด้วยเป็นการไม่ชอบการพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่ดินจึงเป็นการเกินคำขอ นอกฟ้องนอกประเด็นนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ยุติตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยเช่า จำเลยจะโต้เถียงว่าไม่ได้เช่าที่ดินที่ตั้งแผงไม่ได้ และฟ้องโจทก์ที่บรรยายข้อเท็จจริงมานั้นก็หมายความว่าจำเลยเช่าทั้งตัวแผงและที่ดินที่ตั้งแผง การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากแผงที่พิพาท ย่อมหมายถึงฟ้องขับไล่ให้จำเลยออกไปจากที่ดินที่ตั้งแผงนั้นด้วย ที่ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ตั้งแผงจึงหาเป็นการเกินคำขอหรือนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ เนื่องจากการเช่าที่ดินไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้ จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้ ส่วนเรื่องการงดสืบพยานนั้นเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาสั่งได้ตามควรแก่กรณีแห่งเรื่องเพื่อให้คดีได้ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบแล้ว

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share