แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงในคดีก่อนซึ่งได้ว่ากันมาแล้วจนถึงที่สุดในชั้นฎีกาย่อมผูกพันคู่กรณีในคดีหลังซึ่งเคยเป็นคู่ความกันมาในคดีก่อน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดกั้นคูหรือลำรางพิพาท จำเลยให้การรับว่าปิดจริง แต่ปิดกั้นคูหรือลำรางในที่ดินของจำเลย ดังนี้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องสืบในข้อที่ว่าจำเลยปิดกั้นคูหรือลำรางหรือไม่
ในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา จำเลยเพียงแต่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานเท่านั้น ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จึงเท่ากับจำเลยขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ให้งดสืบพยานดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ดังนั้น ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา จำเลยจึงควรเสียเพียงศาลละ 50 บาทตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(อ้างฎีกาที่ 1689/2497)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ปิดกั้นปากคูหรือลำรางซึ่งโจทก์จำเลยต่างเป็นเจ้าของ และได้ใช้ร่วมกันตลอดมาช้านานหลายสิบปีแล้ว โจทก์ได้รับความเสียหายไม่อาจใช้คูหรือลำรางนี้ได้ตามปกติ ขอให้จำเลยรื้อถอนให้กลับคืนสู่สภาพเดิม หรือมิฉะนั้นให้โจทก์จัดการรื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยปิดลำรางซึ่งอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยไม่ใช่คูเขตซึ่งโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมกัน และจำเลยได้ฟ้องโจทก์เนื่องจากโจทก์ได้ขุดดินในคูหรือลำรางนี้เป็นคดีต่อศาลเรื่องหนึ่งแล้ว
ชั้นพิจารณา ศาลชั้นต้นได้สั่งให้รอฟังผลในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ไว้ เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว ศาลชั้นต้นได้สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาว่า ศาลฎีกาได้ชี้ขาดว่าคูหรือลำรางพิพาทเป็นเขตคั่นระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลย และโจทก์จำเลยได้ใช้ลำรางพิพาทร่วมกันมา การที่จำเลยในคดีนี้ปิดกั้นปลายคูหรือลำรางเสีย จึงเป็นการใช้สิทธิมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนแล้วทำให้คืนสู่สภาพเดิม หรือมิฉะนั้นก็ให้โจทก์จัดการทำโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยอุทธรณ์ขอให้สืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานชอบแล้ว พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษาว่า คูหรือลำรางพิพาทอยู่นอกเขตที่ดินของจำเลย โจทก์จำเลยน่าจะได้ใช้ลำรางนี้ร่วมกันมาเมื่อโจทก์จำเลยในคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกันกับในคดีก่อนเกี่ยวกับคูหรือลำรางพิพาทแห่งเดียวกันอันได้ว่ากล่าวกันมาจนถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา ข้อเท็จจริงในคดีนั้นย่อมฟังผูกพันคู่กรณีในคดีนี้ได้ จำเลยไม่มีสิทธิจะปิดกั้นคูหรือลำรางพิพาท ที่จำเลยฎีกาว่าควรต้องสืบพยานว่าจำเลยได้ปิดกั้นคูหรือลำรางเมื่อใด เพราะคดีโจทก์อาจขาดอายุความนั้น โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การรับแล้ว จึงไม่มีประเด็นจะต้องสืบพยานอย่างใดอีก และจำเลยก็มิได้ให้การตัดฟ้องเรื่องอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองงดสืบพยานชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าไม่ควรเรียกค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์นั้นเห็นว่าในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา จำเลยเพียงแต่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานเท่านั้นไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จึงเท่ากับจำเลยขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ให้งดสืบพยานดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ดังนั้น ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และฎีกา จำเลยจึงควรเสียเพียงศาลละ 50 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่แก้ไขใหม่ดังฎีกาที่ 1689/2497
พิพากษายืนในผลแห่งคดี คืนค่าขึ้นศาลที่จำเลยเสียไว้ในชั้นอุทธรณ์ และฎีกาในส่วนที่เกิน 50 บาท แก่จำเลย