คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลมีข้อความว่า”ถ้าโจทก์จะขายที่ดินดังกล่าว ต้องขายที่ให้จำเลยในราคา 2,000 บาท เว้นแต่จำเลยไม่ซื้อภายใน 2 เดือนจึงให้โจทก์ขายที่ดินดังกล่าวได้” นั้น หมายความเฉพาะในกรณีขายที่ดิน การที่กำหนดไว้ว่าถ้าจะขายต้องขายในราคา 2,000 บาท ยิ่งแสดงให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่าเจตนาจะผูกมัดในเมื่อจะขายที่ดินพิพาทเท่านั้น โจทก์จึงมีสิทธินำที่ดินพิพาทนั้นไปแลกเปลี่ยนกับที่ดินของบุคคลอื่นได้โดยไม่ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2499 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ไว้ในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่341/2499 มีข้อความว่า (4) ถ้าโจทก์จะขายที่ดินดังกล่าว ต้องขายที่ให้จำเลยในราคา 2,000 บาท เว้นแต่จำเลยไม่ซื้อภายใน 2 เดือนจึงให้โจทก์ขายที่ดังกล่าวได้ ต่อมาวันที่ 15 พฤศจิกายน 2505 จำเลยที่ 1 ได้เอาที่พิพาทโอนยกให้จำเลยที่ 2 โดยมิได้บอกขายให้โจทก์ก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้โอนขายให้จำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2, 3 รู้ว่าจำเลยที่ 1 ต้องขายที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้เพิกถอนนิติกรรมและบังคับให้จำเลยที่ 1 ขายที่พิพาทให้โจทก์

จำเลยทั้ง 3 ปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำว่า “ขาย” ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นหมายถึง “โอน” นั่นเอง หมายความว่าถ้าจำเลยที่ 1 จะโอนที่พิพาทแล้วต้องให้โจทก์ก่อนถ้าโจทก์ไม่รับโอน จำเลยที่ 1 จึงจะโอนให้คนอื่นได้ ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1 ได้โอนที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยมิได้บอกขายให้โจทก์ก่อน จึงผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยที่ 1 ไม่สุจริต ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 รับโอนโดยสุจริตหรือไม่เห็นว่า โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนโดยไม่สุจริตที่พิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จะจำหน่ายจ่ายโอนแก่บุคคลใดต่อไปก็ย่อมทำได้ พิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 แลกเปลี่ยนที่ดินพิพาทกับที่ดินของจำเลยที่ 2 หมายถึงการโอนขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 นั่นเอง จำเลยที่ 1 เจตนาหลีกเลี่ยงข้อผูกพันซึ่งมีต่อกันเป็นผิดต่อสัญญาประนีประนอมยอมความพิพากษายืน

โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 4 กำหนดข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไว้อย่างชัดแจ้งว่า ถ้าจำเลยที่ 1 จะขายที่พิพาท จะต้องบอกขายโจทก์ก่อน ถ้าโจทก์ไม่ซื้อ จำเลยที่ 1 จึงจะขายคนอื่นได้ซึ่งย่อมหมายความเฉพาะในกรณีจำเลยที่ 1 จะขายที่ดินพิพาท การที่กำหนดไว้ว่าถ้าจะขายให้โจทก์ ต้องขายในราคา 2,000 บาท ยิ่งแสดงให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่าเจตนาจะผูกมัดจำเลยที่ 1 ในเมื่อจำเลยที่ 1 จะขายที่พิพาทเท่านั้นศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าหากจำเลยที่ 1 บอกโจทก์ว่าจะแลกเปลี่ยนที่ดินพิพาทกับที่ดินของจำเลยที่ 2 โจทก์ก็ไม่มีทางที่จะขัดขวางโจทก์จะบังคับให้จำเลยที่ 1 ขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ในราคา 2,000 บาทตามสัญญาได้อย่างไร ในเมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ขายที่ดินพิพาทคดีโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ

พิพากษายืน

Share