คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางพิพาทเป็นทางเดิน คนใช้มา 40-50 ปี ก่อนตกมาเป็นของจำเลย และอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยเมื่อจำเลยมิได้สละสิทธิ์ครอบครองให้เป็นทางสาธารณะ จึงไม่เป็นทางสาธารณะแต่เป็นทางภารจำยอม ซึ่งแม้จะใช้ได้ในบางฤดูกาล ก็ไม่ทำให้ภารจำยอมสิ้นไป
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณะซึ่งโจทก์กับราษฎรได้ใช้มากว่า 50 ปี เป็นการบรรยายกล่าวอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าไม่ใช่ทางสาธารณะ แต่เป็นทางภารจำยอมศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นทางภารจำยอมได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยให้รื้อรั้วที่ปิดกั้นและถมพื้นทางเดินสาธารณะซึ่งโจทก์กับราษฎรได้ใช้สัญจรไปมากว่า 50 ปีแล้ว

จำเลยให้การว่า ทางเดินเป็นคันนาของจำเลย ซึ่งยอมให้คนเดินในฤดูกาลที่ยังไม่ได้ปลูกข้าว คันนานั้นไม่ใช่ทางภารจำยอม โจทก์เดินทางอื่นได้ โจทก์ไม่เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ใช่นาโจทก์

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า นาที่โจทก์อ้างเป็นของโจทก์เป็นทรัพย์ร่วมกันระหว่างนางแก้วมาภริยาโจทก์ โจทก์ต้องใช้ทางพิพาทไปทำนา โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยปิดกั้นทางสาธารณะให้จำเลยรื้อถอนลวดหนามที่ปิดกั้น และถมทางพิพาทให้ดีดังเดิม

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่นาที่โจทก์ฟ้องเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับนางแก้วมาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แต่ทางพิพาทเป็นเพียงคันนาอยู่ในเขตที่ดินจำเลย คนใกล้เคียงอาศัยเดินตามฤดูกาลเท่านั้นไม่ใช่ทางเดินสาธารณะ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คนทั่วไปจะใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินมาตั้ง 40-50 ปี ก่อนตกมาเป็นของจำเลยแล้วก็ตาม ทางพิพาทก็เป็นคันนาอยู่ในที่ดินของจำเลยซึ่งปลูกต้นผลไม้อยู่ แสดงว่าเจ้าของยังหวงแหนใช้สิทธิครอบครองอยู่ มิได้สละสิทธิครอบครองให้เป็นทางสาธารณะจึงไม่เป็นทางสาธารณะ แต่เมื่อโจทก์กับราษฎรอื่นใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปีแล้ว จึงตกเป็นทางภารจำยอม แม้จะไม่ใช้ในบางฤดูกาลก็ไม่ทำให้ภารจำยอมสิ้นไป การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณะ แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นทางภารจำยอม ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นทางภารจำยอมได้ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น เพราะโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์กับราษฎรได้ใช้ทางนี้มากว่า 50 ปี เป็นการบรรยายกล่าวอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว เพียงแต่กล่าวอ้างว่าเป็นทางสาธารณะซึ่งผิดความจริงไปเท่านั้น และจำเลยก็ให้การยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าไม่ใช่ทางภารจำยอมด้วย

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยรื้อรั้วลวดหนามที่ปิดกั้นทางพิพาทและจัดการถมให้ดีดังเดิม ห้ามจำเลยขัดขวางในการใช้ทางพิพาทนี้

Share