คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6627/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง แม้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยโดยการปิดหมายไว้ ณ บ้านที่จำเลยมีที่อยู่ทางทะเบียน จะเป็นการส่งโดยชอบก็ตาม แต่ปัญหาว่าการส่งหมายเป็นไปโดยชอบหรือไม่กับปัญหาว่าจำเลยจงใจขาดนัดหรือไม่เป็นคนละเรื่องกันเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ และจำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องคดีนี้จึงไม่อาจถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณากรณีมีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 921,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ห้ามจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเก็บค่าเช่าห้องแถว ซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงสิทธิเก็บกินและให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เดือนละ 48,500 บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเก็บค่าเช่าตามสิทธิเก็บกินของโจทก์

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่า จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องเมื่อมีผู้นำคำบังคับมาส่งให้จำเลยที่บ้านที่จำเลยพักอาศัย จำเลยไม่ได้ให้สิทธิเก็บกินแก่โจทก์และการจดทะเบียนสิทธิเก็บกินไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โจทก์คัดค้านว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ได้กล่าวโดยละเอียดซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล และการที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่มีผลเท่ากับเป็นการยื่นฟ้องโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีของจำเลย การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาในฟ้องจึงเป็นการส่งโดยชอบ เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ส่วนปัญหาอื่น ๆ คงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ในปัญหาข้อนี้ข้อเท็จจริงได้ความตามทางไต่สวนว่าจำเลยเคยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 213 ถนนวชิรปราการ ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี และมีที่อยู่ทางทะเบียน ณ บ้านดังกล่าวตลอดมาการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยรวมทั้งหมายนัดสืบพยานโจทก์ ส่งได้โดยวิธีปิดหมายไว้ ณ บ้านดังกล่าว แต่จำเลยนำสืบว่าจำเลยไม่ได้อยู่อาศัยที่บ้านหลังนี้มากกว่า 10 ปีแล้ว โดยไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 518/136 ซอย 2 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี กับบ้านเลขที่ 81/6 ซอย 11 ตำบลบ้านสวนอำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี และไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้าน 2 หลังนี้โดยไม่ได้กลับไปที่บ้านเลขที่ 213 อีกเลย แต่ยังมิได้ย้ายทะเบียนออกจากบ้านหลังนี้ จำเลยได้รับเอกสารเพียงฉบับเดียวคือคำบังคับซึ่งนางสาวชุติมา จูตะกานนท์ หลานของจำเลยนำไปให้จำเลยเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2542 ดังนี้ ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวมีน้ำหนักให้รับฟังได้เพราะโจทก์มิได้นำสืบหักล้างและมิได้ฎีกาโต้เถียง กรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่งทำนองเดียวกันกับโจทก์ที่ยังคงมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 213ถนนวชิรปราการ ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีแต่โจทก์ระบุที่อยู่ของตนไว้ในคำฟ้องว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ 143 ถนนศรีกุญชร ตำบลพนัสนิคม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ดังนี้แม้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยโดยการปิดหมายไว้ ณ บ้านเลขที่ 213 ดังกล่าว จะเป็นการส่งโดยชอบก็ตาม แต่ปัญหาว่าการส่งหมายเป็นไปโดยชอบหรือไม่กับปัญหาว่าจำเลยจงใจขาดนัดหรือไม่เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยไม่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ และจำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องคดีนี้ จึงไม่อาจถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาใหม่ตามคำขอของจำเลย คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมาในฎีกานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share