คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2905/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาคงอุทธรณ์แต่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและคดีขาดอายุความแล้วเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงจึงชอบแล้ว
ฟ้องที่บรรยายครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว ย่อมไม่เคลือบคลุม
เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าจำเลยฉ้อโกงโจทก์เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2517 โจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2518 ยังไม่เกิน 3 เดือนจึงยังไม่ขาดอายุความ จำเลยฎีกาโต้แย้งว่าโจทก์ทราบว่าจำเลยฉ้อโกงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2512 แล้ว เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจหลอกลวงโจทก์โดยจำเลยขอยืมเงินโจทก์10,000 บาท และจำเลยออกเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ไม่ลงวันที่มอบให้โจทก์ไว้ 2 ฉบับเป็นการชำระหนี้ เมื่อโจทก์ประสงค์จะเอาเงินคืน ก็ให้โจทก์ลงวัน เดือน ปีในเช็คที่จำเลยมอบให้ นำไปขึ้นเงินจากธนาคารเอาเงินชำระหนี้ต่อไป โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีบัญชีเงินฝากในธนาคารตามเช็คและเชื่อว่าเช็คที่จำเลยออกให้โจทก์เป็นเช็คที่จำเลยมีสิทธิใช้ และโจทก์นำไปขึ้นเงินจากธนาคารเอาเงินมาชำระหนี้ได้ โจทก์จึงรับเช็คไว้และมอบเงินให้แก่จำเลยไปต่อมาเมื่อโจทก์ประสงค์จะเอาเงินคืน โจทก์ได้ลงวันที่ เดือน ปี ในเช็ค นำไปให้แก่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2517 แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและคืนเช็คทั้งสองฉบับ โดยระบุว่าจำเลยไม่มีบัญชีโจทก์จึงทราบว่าจำเลยบังอาจหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งในเรื่องที่จำเลยไม่มีบัญชีเงินฝากในธนาคารตามเช็คและไม่มีสิทธิที่จะใช้เช็คที่มอบให้แก่โจทก์โดยทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 59

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา

จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้จำคุก 1 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมไม่ขาดอายุความพิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เฉพาะข้อกฎหมายโดยไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ชอบ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาคงอุทธรณ์แต่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและคดีขาดอายุความแล้วเท่านั้นข้อเท็จจริงจึงยุติเป็นอันศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงนั้นจึงชอบแล้ว

ส่วนฟ้องของโจทก์คดีนี้ โจทก์ได้บรรยายครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว ไม่เคลือบคลุม

ในเรื่องฟ้องของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าจำเลยฉ้อโกงโจทก์เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2517โจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2518 ยังไม่เกิน 3 เดือน จึงไม่ขาดอายุความ จำเลยฎีกาโต้แย้งว่า โจทก์ทราบว่าจำเลยฉ้อโกงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2512 เป็นการโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อนี้

พิพากษายืน

Share