คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2247/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่1ให้ พ.เช่าช่วงห้องพิพาทต่อมาพ.ให้โจทก์ร่วมเข้าอยู่ การที่จำเลยกับพวกขนเครื่องเหล็กและพลาสติกไปวางไว้ที่ชั้นล่างและชั้นบนของห้องพิพาทนั้นเป็นการรบกวนการครอบครองห้องพิพาทของโจทก์ร่วมโดยปกติสุขเป็นความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2517 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองและนายอานนท์กับพวกอีกคนหนึ่งบังอาจร่วมกันบุกรุกเข้าไปในอาคารซึ่งเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายพยอม สวนปานโดยไม่มีเหตุอันสมควร เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนายพยอม โดยปกติสุขเหตุเกิดที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365(2), 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

นายพยอม สวนปาน ซึ่งเข้าเป็นโจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกตามฟ้องโจทก์ พิพากษากลับว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(2) ปรับจำเลยทั้งสองคนละ 2,000 บาท

จำเลยทั้งสองและโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เดิมนายไพรัช เต็มกมลศิลป์ เช่า (ช่วง) ห้องพิพาทจากจำเลยที่ 1 เฉพาะชั้นล่าง ต่อมาได้ตกลงเช่าทั้งหลังคือชั้นบนด้วย แล้วนายไพรัชให้โจทก์ร่วมเข้าอยู่ในห้องพิพาท (ส่วนนายไพรัชได้ออกไปอยู่ที่อื่น) เช่นนี้ การที่จำเลยที่ 1 ขนเครื่องเหล็กและพลาสติกไปวางที่ชั้นล่างและชั้นบนนั้น เป็นการรบกวนการครอบครองห้องพิพาทของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข เป็นความผิดฐานบุกรุก

พิพากษายืน

Share