คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2205/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารระบุว่าโจทก์เป็นผู้ชำระราคาและรับโอนรถยนต์พิพาทแต่การซื้อขายรถยนต์พิพาทอันเป็นสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างเช่นอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์บางประเภทดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก และฝ่ายผู้ซื้อรถยนต์พิพาทได้รับมอบรถยนต์มาแล้วถือเป็นการซื้อขายเด็ดขาดซึ่งมีการชำระหนี้แล้ว การฟ้องร้องบังคับคดีจึงไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การซื้อขายรถยนต์พิพาทจึงไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ทั้งการที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่า ห้าง อ. เป็นผู้ซื้อ ที่ลงชื่อโจทก์เป็นผู้ชำระเงินค่าซื้อรถยนต์พิพาทและผู้รับโอนรถยนต์พิพาทในเอกสารนั้นเป็นการลงชื่อโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง อ. หรือในฐานะที่โจทก์เป็นตัวแทนของห้าง ก็เป็นการนำสืบถึงความเป็นจริงระหว่างตัวการกับตัวแทน จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อรถยนต์บรรทุกเล็กยี่ห้อโตโยเอส 1 คัน จากบริษัทโตโยต้ามอเตอร์เซลส์ จำกัด ในราคา 15,000 บาทในนามของโจทก์ จำเลยที่ 1ขอยืมรถยนต์ดังกล่าวของโจทก์ไปใช้ชั่วคราว โจทก์จึงให้จำเลยที่ 1 ยืมรถยนต์ของโจทก์ และจนบัดนี้จำเลยที่ 1 ก็ยังไม่คืนให้ ขณะนี้รถยนต์ดังกล่าวราคาสูงขึ้นเป็น 20,000 บาท โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 นำรถยนต์ดังกล่าวของโจทก์ไปให้นางสุนันท์เช่าซื้อ แล้วต่อมานางสุนันท์ขายให้จำเลยที่ 2 อีกทอดหนึ่งทั้ง ๆ ที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อปรากฏตามภาพถ่ายใบรับเงินท้ายฟ้องยังไม่ได้รับโอนทะเบียนจากบริษัทโตโยต้ามอเตอร์เซลส์ จำกัด ประเทศไทย โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นของโจทก์ และแจ้งให้จำเลยที่ 1ส่งรถยนต์ดังกล่าวคืนโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับหนังสือดังกล่าวของโจทก์ ขอให้จำเลยคืนรถยนต์ตามฟ้องให้โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคารถยนต์ 20,000 บาทให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า รถยนต์ตามฟ้องเป็นของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรี ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยมอเตอร์โดยบริษัทโตโยต้ามอเตอร์เซลส์ จำกัด ประเทศไทย ยึดรถยนต์ตามฟ้องคืนจากผู้เช่าซื้อแล้วตัดยอดบัญชีให้เป็นของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรี ซึ่งเป็นนายหน้าขายรถยนต์ของบริษัทดังกล่าวรับผิดชอบเพื่อขายต่อไป ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรีจึงให้โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งลงชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียนรถยนต์เพื่อความสะดวกในการขาย ต่อมาวันที่ 18 สิงหาคม 2510 ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรี ให้นางสุนันท์เช่าซื้อในราคา 10,000 บาท เมื่อนางสุนันท์จ่ายเงินหมดแล้วไม่ได้มาโอนทะเบียนรถยนต์ใส่ชื่อตน แต่ขายรถยนต์ตามฟ้องต่อโดยมอบทะเบียนรถยนต์และหนังสือเช่าซื้อพร้อมทั้งรถยนต์ตามฟ้องให้ผู้ซื้อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ยืมรถยนต์ตามฟ้องจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า นางสุนันท์เช่าซื้อรถยนต์ตามฟ้องจากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรี และชำระค่าเช่าซื้อเสร็จแล้ว ต่อมานางสุนันท์ขายให้นายหนุนพี่ของจำเลยที่ 2 โดยมอบหนังสือสัญญาเช่าซื้อและทะเบียนรถยนต์ให้แก่นายหนุน เมื่อประมาณ 2 ปีมานี้ นายหนุนยกรถยนต์ตามฟ้องให้แก่จำเลยเนื่องจากทะเบียนรถยนต์หายไป จำเลยที่ 2 ต่อทะเบียนไม่ได้ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรีให้จำเลยที่ 2 ไปติดต่อกับโจทก์โดยแจ้งว่าลงชื่อโจทก์ไว้ในทะเบียนรถยนต์ จำเลยที่ 2 ไปหาโจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมโอนให้

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า รถยนต์พิพาทไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรี แต่ลงชื่อโจทก์เป็นผู้ชำระเงินและผู้รับโอนในเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ในฐานะที่โจทก์เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเท่านั้น พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า เอกสารหมาย จ.1 ระบุว่าโจทก์เป็นผู้ชำระราคารถยนต์พิพาท และเอกสารหมาย จ.2 ระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับโอนรถยนต์พิพาท แสดงว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อรถยนต์พิพาท ที่จำเลยนำสืบว่าลงชื่อโจทก์เป็นผู้ชำระเงินและผู้รับโอนรถยนต์พิพาทในฐานะที่โจทก์เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอุดมชัยลพบุรีนั้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93

วินิจฉัยว่า เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94ห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลเฉพาะในกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้น แต่ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ศาลย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ การซื้อขายรถยนต์พิพาทอันเป็นสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างเช่นอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์บางประเภทดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรกการซื้อขายรถยนต์พิพาทเห็นได้ว่าฝ่ายผู้ซื้อได้รับมอบรถยนต์มาแล้ว ถือเป็นการซื้อขายเด็ดขาดซึ่งมีการชำระหนี้แล้วการฟ้องร้องบังคับคดีไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การซื้อขายรถยนต์พิพาทจึงไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

พิพากษายืน

Share