แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทได้แก้วันที่ลงในเช็คสองครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 1 ธันวาคม 2513 โจทก์ฟ้องคดีเรียกเงินตามเช็ควันที่ 25 พฤศจิกายน 2514 จึงไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002
ผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันการใช้เงินตามเช็คนั้นต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940,967,989
กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันซึ่งต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลด้วย
โจทก์เพิ่งนำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินหลังวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์เพราะเหตุผิดนัดแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภรรยาจำเลยที่ 2 ได้สั่งจ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็คของธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาลพบุรี เลขที่ เค เอส 099922 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2513 เงิน 85,000 บาท จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง เมื่อเช็คถึงกำหนดใช้เงินจำเลยทั้งสองขอผัดวันที่ 28 พฤษภาคม 2514 โจทก์นำเช็คไปรับเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธเพราะเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยใช้เงิน 85,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2513 ถึงวันสิ้นเดือนที่ฟ้องเป็นดอกเบี้ย 6,375 บาท และตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2514 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2512 โจทก์ฝากเงิน100 บาท ให้จำเลยที่ 1 ซื้อสลากกินรวบ โจทก์ถูกรางวัล 50,000 บาทแต่ญาติของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รับฝากเงินที่ซื้อได้เงินมาจากเจ้ามือเพียง 3,000 บาท โจทก์หาว่าจำเลยกับญาติยักยอกเงินรางวัลที่ค้างอยู่ 47,000 บาท จะพาตำรวจมาจับจำเลยข้อหาว่าเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ จำเลยจึงออกเช็คธนาคารกรุงเทพ เลขที่ ดี 031507 เงิน 47,000 บาทให้โจทก์ไว้เป็นประกัน จำเลยกับญาติหาเงินส่งให้โจทก์ไม่พอเงินที่ค้าง โจทก์ให้จำเลยเปลี่ยนเช็คบวกดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อเดือนเป็นเงิน 52,100 บาท ตามเช็คเลขที่ เคเอส 422737 และคืนเช็คฉบับแรกให้จำเลยแล้วให้จำเลยเปลี่ยนเช็คบวกดอกเบี้ยอีก จำเลยออกเช็คฉบับที่สามเป็นเงิน 76,000 บาท แต่โจทก์ไม่ยอมจะเอาเงิน 85,000 บาท จำเลยจึงออกเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ที่ผิดกฎหมาย จำเลยกับญาติได้ใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์จนเหลือเพียง 5,000 บาท และจำเลยที่ 1 ได้แก้วันที่ลงในเช็คพิพาทเป็นวันที่ 1 ธันวาคม 2513 คดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์สิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้สลักหลังเช็ค
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า มูลหนี้ตามเช็คเอกสาร จ.2 ไม่ได้เกิดจากการเล่นการพนันสลากกินรวบ และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ 85,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2513 จนกว่าจำเลยจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าเช็คฉบับพิพาทตามเอกสารจ.2 เป็นเช็คที่เกิดจากมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้เงินตามเช็คฉบับนี้ให้แก่โจทก์จนเหลืออยู่เพียง 5,000 บาท
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความ เห็นว่าจำเลยที่ 1 เบิกความรับว่าได้แก้วันที่ลงในเช็คสองครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 1 ธันวาคม 2513 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514 ก็ไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ลงในเช็ค ซึ่งเป็นวันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้สลักหลังเช็คเป็นประกันการใช้เงินตามเช็คนั้น จำเลยที่ 2 ก็ต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกัน และรับผิดร่วมกันกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940, 967, 989 และที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกเช็คเอกสาร จ.2 จำเลยที่ 2 จึงหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 วินิจฉัยว่ากรณีตามมาตรา 990 เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น ไม่รวมถึงผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันซึ่งต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลด้วยไม่ จำเลยที่ 2 จึงหาหลุดพ้นความรับผิดไม่
แต่ที่ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เพิ่งจะนำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินหลังวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ 28 พฤษภาคม 2514 จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์เพราะเหตุผิดนัดแต่วันนี้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่เฉพาะเรื่องดอกเบี้ยเป็นว่าให้จำเลยร่วมกันเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2514 จนกว่าจะได้ใช้เงินให้โจทก์เสร็จ