คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่าให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินภายใน 30 วัน โจทก์และทนายผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ลงชื่อรับทราบไว้แล้ว ดังนี้ ต้องถือตามกำหนดนัดนั้น จะไปถือเอาวันที่ลงไว้ในบัญชีนัดซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลนัดไว้ผิดไปจากคำสั่งศาลไม่ได้
เมื่อครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์จากสารบบความแล้วผู้ร้องขัดทรัพย์จึงยื่นคำร้องขอวางเงิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปเช่นนี้ คดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีกแล้ว คำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์จึงต้องยกเสีย

ย่อยาว

คดีทั้ง 9 สำนวนนี้ โจทก์ชนะคดี จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์จึงนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 7346 พร้อมทั้งห้องแถวบนที่ดินเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องขัดทรัพย์ทั้ง 9 สำนวนยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่า คำร้องขัดทรัพย์เหล่านี้ไม่มีมูล ยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ล่าช้า ขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องจากความเนิ่นช้าในการบังคับคดี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลเพื่อประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ภายใน 30 วัน โดยสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 15 สิงหาคม 2516 ครั้นถึงวันที่ 14 กันยายน 2516 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดวางเงิน ผู้ร้องทั้ง 9 สำนวนไม่วางตามคำสั่งของศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ โดยสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 17 กันยายน 2516 ในวันเดียวกันนี้เอง ผู้ร้องทั้ง 9 สำนวนยื่นคำร้องว่า ปรากฏตามบัญชีนัดของศาลและโจทก์ได้ลงนามนัดไว้ด้วยว่าให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลในวันที่ 17 กันยายน 2516 ทนายของผู้ร้องลงชื่อในบัญชีนัดดังกล่าว และมีจดหมายแจ้งให้ตัวผู้ร้องทราบตามกำหนดนัดนั้น การที่ไม่ได้วางเงินตามกำหนดเวลาที่ศาลสั่ง จึงมิใช่ความผิดของผู้ร้อง หรือเป็นเพราะผู้ร้องจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล เป็นความเข้าใจผิดของตัวทนายผู้ร้อง จึงขอวางเงินในวันที่ 17 นั้น และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องต่อไป

โจทก์คัดค้าน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องขอวางเงินเมื่อพ้นเวลาที่ศาลกำหนด โดยมิได้มีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น และพฤติการณ์ที่ผู้ร้องอ้างไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 23 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องทุกสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องขัดทรัพย์ทั้ง 9 สำนวนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าผู้ร้อง 9 สำนวนที่ฎีกาทุกสำนวนขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ และขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ปัญหาที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยจึงอยู่ที่ว่า ผู้ร้องจะร้องขอวางเงินดังกล่าวตามที่ศาลชั้นต้นสั่งให้วางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288(1) และขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องแล้วได้หรือไม่ เห็นว่า กำหนดการวางเงินเพื่อเป็นประกันดังกล่าวนั้น ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชัดแจ้งแล้วว่า ให้ผู้ร้องวางเงินภายใน30 วัน ซึ่งโจทก์และทนายผู้ร้องได้ลงชื่อรับทราบไว้แล้ว ก็ต้องถือตามกำหนดนั้นจะไปถือเอาวันที่ลงไว้ในบัญชีนัดซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลนัดไว้ผิดไปจากคำสั่งศาลไม่ได้ เมื่อครบกำหนดที่ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินผู้ร้องไม่วางเงิน และศาลได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องจากสารบบความแล้วเช่นนี้ คดีของผู้ร้องก็ไม่มีอยู่ในศาล อันจะพึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีก คำร้องของผู้ร้องจึงต้องยกเสีย

พิพากษายืน

Share