คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีของ ช. เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้โอนเช็คนั้นให้แก่ ช. ไปแต่อย่างใด โจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คเงินสดให้โจทก์เป็นการชำระหนี้รวม 2 ฉบับ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของร้อยเอกชายชาญ กรรณสูต เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค ธนาคารได้ปฎิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ฯ

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฎิเสธ และยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าโจทก์มิใช่ผู้เสียหายเสียก่อน

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วสั่งงดสืบพยานโจทก์ และวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คเงินสดให้โจทก์เป็นการชำระหนี้รวม 2 ฉบับ ดังนั้นโจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องต่อไปว่าเมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชีของร้อยเอกชายชาญกรรณสูต เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้โอนเช็คนั้นให้แก่ร้อยเอกชายชาญ กรรณสูต แต่อย่างใด ฉะนั้นโจทก์ยังเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้องคดีนี้

พิพากษายืน

Share