แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้เงินหรือแบ่งทรัพย์ให้แก่คู่ความที่ชนะคดีน้อยกว่าจำนวนเงินหรือจำนวนทุนทรัพย์ฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้อง การที่จะพิจารณาให้ฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้ค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฝ่ายชนะคดีเรียกร้องหรือจะให้ชดใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้นั้น จะต้องดูเจตนาของคู่ความฝ่ายที่ชนะคดีว่าแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูงหรือไม่เป็นสำคัญ จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสื่อมราคารถพิพาท 20,000 บาทศาลชั้นต้นให้ชดใช้ 15,000 บาท ศาลอุทธรณ์ให้ชดใช้ 10,000 บาท เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูง แต่เป็นเพราะยากที่จะเรียกร้องให้ถูกต้องได้ ที่ศาลให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลแทนจำเลยตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยเรียกร้องจึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตกลงเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดแบบคอร์ติน่า แอล (พิเศษ) หมายเลขทะเบียน ก.ท.ษ.4164 ในราคา 103,740 บาท โดยเชื่อว่าเป็นรถยนต์ใหม่และมีสภาพเรียบร้อยตามที่จำเลยแจ้งและรับรองประกันความเสียหายภายในกำหนดการใช้เป็นระยะทางไม่เกิน 10,000 กิโลเมตร โจทก์เพิ่งทราบว่ารถยนต์ที่เช่าซื้อมีสภาพไม่เรียบร้อย โดยเพลาล้อหลังด้านขวาชำรุด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2515 ในขณะที่พนักงานของโจทก์ ขับรถยนต์ที่เช่าซื้อ เพลาล้อหลังด้านขวาหลุดออกจากตัวรถยนต์ เห็นเหตุให้รถยนต์ที่เช่าซื้อเสียการทรงตัวแฉลบไปปะทะและคร่อมไม้ซุงที่อยู่ข้างทาง ทำให้รถยนต์ที่เช่าซื้อเสียหายใช้การไม่ได้ โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบถึงอุบัติเหตุและความชำรุดบกพร่องของรถยนต์ที่เช่าซื้อ และให้จำเลยซ่อมแซมรถยนต์ที่เช่าซื้อให้มีสภาพเรียบร้อย หรือเปลี่ยนรถยนต์ที่มีสภาพเรียบร้อยให้โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยเสีย โจทก์จึงขอเลิกสัญญาเช่าซื้อ จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อและค่าลากรถยนต์กับค่าเสียประโยชน์ในกิจการค้า 5,000 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 34,525 บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลยจริงตามฟ้องแต่รถยนต์ที่เช่าซื้อมีสภาพเรียบร้อยทุกประการ เพลาล้อหลังด้านขวามิได้ชำรุดเหตุที่เพลาล้อหลังด้านขวาขาดเกิดจากความประมาทของผู้ขับรถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งขับมาด้วยความเร็วและเมื่อถึงทางโค้งก็ไม่หักพวงมาลัยรถเพื่อบังคับให้รถแล่นไปตามทางโค้ง รถจึงชนท่อนซุงที่อยู่ข้างถนนด้านขวาเป็นเหตุให้เพลาขาดและล้อหลุดรถยนต์ที่เช่าซื้อเสียหาย ซึ่งจำเลยต้องเสียค่าซ่อมแซมรวมเป็นเงิน 16,305 บาท แต่เมื่อซ่อมแล้วรถยนต์ที่เช่าซื้อไม่อยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม ทำให้เสื่อมราคาลงไม่น้อยกว่า 20,000 บาท รวมค่าเสียหายเป็นเงิน 36,305 บาท ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชำระให้แก่จำเลย ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า เหตุที่รถยนต์ที่เช่าซื้อเสียหายมิได้เกิดจากความประมาทของฝ่ายโจทก์ ค่าเสียหายต่าง ๆ ที่จำเลยกล่าวอ้างเกินความจริงขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อรถยนต์พิพาทซึ่งยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเกิดความเสียหายจากการใช้ของโจทก์ โจทก์จึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้จำเลยตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยเสียค่าซ่อมแซมรถยนต์พิพาท 16,305 บาทและรถยนต์พิพาทเสื่อมราคา 15,000 บาท รวมค่าเสียหายที่โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลย 31,305 บาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้โจทก์ใช้ค่าเสื่อมราคา 10,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่าง และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลควรพิพากษาให้ค่าธรรมเนียมเป็นพับ หรือให้โจทก์ชำระแทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยชนะคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีทั้งส่วนที่โจทก์ฟ้องและส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีส่วนที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด และเป็นฝ่ายชนะคดีส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นส่วนใหญ่ โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชดใช้ค่าซ่อมแซมรถพิพาทให้จำเลยตามจำนวนที่จำเลยฟ้องแย้ง ส่วนค่ารถพิพาทเสื่อมราคาที่จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชดใช้ 20,000 บาทนั้น ศาลชั้นต้นให้โจทก์ชดใช้ 15,000 บาท และศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ชดใช้ 10,000 บาท ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าในกรณีที่ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้เงินหรือแบ่งทรัพย์ให้แก่คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีน้อยกว่าจำนวนเงิน หรือจำนวนทุนทรัพย์ที่คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้อง การที่ศาลจะพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้ค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้องหรือชดใช้ค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้นั้น จะต้องดูเจตนาของคู่ความฝ่ายที่ชนะคดีว่าแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูงหรือไม่เป็นสำคัญ ปรากฏว่ารถพิพาทเสียหายมาก และแม้จะซ่อมแซมแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ดีเหมือนเดิมเพราะศูนย์ของรถไม่ดีเหมือนเดิม จึงยากที่จำเลยจะเรียกร้องค่าเสื่อมราคาให้ถูกต้องได้ และเห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูง ที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลแทนจำเลยตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยเรียกร้องนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน