คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3090/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายมอบเครื่องเพชรให้จำเลยไปขาย โดยผู้เสียหายคิดเอาราคา 32,300 บาท มีข้อตกลงกันว่าจำเลยจะจ่ายเงินตามราคาของให้เมื่อครบ 1 เดือนนับแต่วันเอาของไปถ้าขายไม่ได้จะคืนของให้ภายใน 1 เดือนเช่นกัน โดยไม่ได้จำกัดว่าจำเลยจะต้องขายในราคาเท่าใด เช่นนี้เงินที่ขายเครื่องเพชรดังกล่าวได้จึงตกเป็นของจำเลย เพียงแต่จำเลยมีความผูกพันว่าจะต้องนำเงิน 32,300 บาทมาคืนให้แก่ผู้เสียหายตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น กรณีจึงมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายให้รับเครื่องเพชรหรือราคาเครื่องเพชรไว้แทนผู้เสียหาย แต่เป็นกรณีผู้เสียหายขายเชื่อเครื่องเพชรให้จำเลยไป แม้จำเลยไม่จ่ายเงินแก่ผู้เสียหาย และไม่คืนเครื่องเพชรก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดอาญาฐานยักยอกตามที่โจทก์ฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับมอบแหวนเพชรจากผู้เสียหายรวมราคา 32,300บาท ไปขาย ตกลงว่าให้จำเลยนำเงินที่ขายได้มาส่งผู้เสียหาย ขายไม่ได้ให้คืนของภายใน 1 เดือน ครบกำหนดจำเลยไม่นำเงินที่ขายได้หรือของที่ไม่ได้ขายมาคืนผู้เสียหาย โดยจำเลยเจตนาทุจริตยักยอกเป็นของตน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย

นายประกอบผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำคุก 4 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วม

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายได้มอบเครื่องเพชรคือแหวนเพชรและล็อคเก็ตให้จำเลยไปขาย โดยผู้เสียหายคิดเอาราคา 32,300 บาท มีข้อตกลงกันว่า จำเลยจะจ่ายเงินตามราคาของให้เมื่อครบ 1 เดือนนับแต่วันเอาของไป ถ้าขายไม่ได้จะคืนของให้ภายใน 1 เดือนเช่นนั้น นางจุรีย์เจ้าของร้านพยานโจทก์ก็เบิกความทำนองเดียวกันว่า จำเลยเคยเอาเครื่องเพชรไปขายหลายครั้งและครั้งที่เกิดเหตุก็เช่นเดียวกับครั้งก่อน ๆ ตามพฤติการณ์ดังที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายได้มอบเครื่องเพชรให้จำเลยไปขายโดยไม่มีข้อจำกัดว่า จำเลยจะต้องขายในราคาเท่าใด จำเลยจะนำไปขายได้ราคาสูงต่ำอย่างไรก็เป็นเรื่องของจำเลยโดยเฉพาะ เงินที่ขายเครื่องเพชรดังกล่าวได้ก็ตกเป็นของจำเลย เพียงแต่จำเลยมีความผูกพันว่าจะต้องนำเงิน 32,300 บาทมาคืนให้แก่ผู้เสียหายตามที่ได้ตกลงกันไว้เท่านั้น กรณีจึงมิใช่จำเลยได้มอบหมายให้รับเครื่องเพชรหรือราคาเครื่องเพชรไว้แทนผู้เสียหาย แต่เป็นกรณีที่ผู้เสียหายขายเชื่อเครื่องเพชรให้จำเลยไป ด้วยเหตุนี้แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบ ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอกเครื่องเพชรหรือเงินที่ขายเครื่องเพชรได้ตามที่โจทก์ฟ้องกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นต่อไป

พิพากษายืน

Share