คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ทำหนังสือหย่าโดยมีผู้ทำบันทึกลงชื่อในฐานะผู้บันทึกข้อความถือว่าผู้ทำบันทึกซึ่งรู้เห็นข้อตกลงเป็นพยานคนหนึ่งโดยไม่ต้องมีคำว่าพยานกำกับไว้ กับมีพยานอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อด้วย สามีฟ้องหย่าให้ภริยาไปจดทะเบียนหย่าได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติฟังได้ว่าโจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2518 และมีบุตรด้วยกัน 2 คนคือเด็กชายมงคล ศรีเมือง และเด็กชายฤทธิไกร ศรีเมืองเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2519 โจทก์และจำเลยไปที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสยขอให้ร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ ขำอิ่ม ทำบันทึกข้อตกลงของโจทก์และจำเลยว่าโจทก์และจำเลยตกลงจะเลิกร้างกัน ให้จำเลยรับเลี้ยงดูบุตรทั้งสองโดยโจทก์จะส่งเงินค่าเลี้ยงดูบุตรให้จำเลยเดือนละ 400 บาท และโจทก์ยอมยกทรัพย์สินอันเป็นสินสมรสให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียวร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ ขำอิ่ม ให้นายดาบตำรวจโชคหรือโชติ ชาติแพงตา ซึ่งขณะนั้นเป็นจ่าสิบตำรวจตรีบันทึกข้อตกลงดังกล่าวของโจทก์และจำเลยแล้วให้โจทก์และจำเลยลงชื่อในบันทึกดังกล่าว นอกจากนี้ร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ ขำอิ่ม และนายดาบตำรวจโชคหรือโชติลงชื่อในบันทึกดังกล่าวด้วยโดยร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ ขำอิ่ม ลงชื่อในช่องสวป.พ.ง.ส. บันทึก และนายดาบตำรวจโชคหรือโชติลงชื่อในช่องพยาน พิมพ์หลังจากทำบันทึกดังกล่าวแล้ว โจทก์และจำเลยก็แยกกันอยู่และไม่เกี่ยวข้องกันอีกโดยโจทก์ไปแต่งงานและอยู่กินกับนางสนิทพร ส่วนจำเลยเลี้ยงดูบุตรทั้งสองและไปรับเงินค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 400 บาท จากเจ้าหน้าที่การเงินแห่งสถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสยซึ่งหักจากเงินเดือนของโจทก์ตลอดมา โจทก์เคยติดต่อให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่า จำเลยเรียกเงินจากโจทก์ 60,000 บาท โจทก์ไม่มีให้จำเลยจึงไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่า

ที่จำเลยฎีกาว่า เอกสารหมาย จ.2 มิใช่หนังสือการหย่าโดยความยินยอมของโจทก์และจำเลย เพราะมีพยานลงลายมือชื่อรับรองเพียงคนเดียวคือนายดาบตำรวจโชคหรือโชตินั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์และจำเลยไปขอให้ร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ทำบันทึกข้อตกลงตามข้อความที่ระบุในเอกสารหมาย จ.2 เมื่อนายดาบตำรวจโชคหรือโชติพิมพ์เอกสารหมาย จ.2 แล้ว ร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ก็อ่านข้อความในเอกสารหมาย จ.2 ให้โจทก์และจำเลยฟังและร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ลงชื่อในเอกสารหมาย จ.2 ไว้ด้วย จึงเห็นได้ว่าในการทำบันทึกตามเอกสารหมาย จ.2นอกจากนายดาบตำรวจโชคหรือโชติแล้ว ยังมีพยานซึ่งรู้เห็นข้อตกลงในการหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยาระหว่างโจทก์กับจำเลยตามที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าวอีก 1 คน คือร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ เมื่อร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ซึ่งเป็นพยานในการตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันระหว่างโจทก์กับจำเลยลงชื่อในเอกสารหมาย จ.2 แม้จะลงชื่อในฐานะผู้บันทึกข้อความในเอกสารดังกล่าว ก็ถือว่าการหย่าของโจทก์และจำเลยมีพยานลงลายมือชื่อ 2 คนแล้ว คือนายดาบตำรวจโชคหรือโชติ และร้อยตำรวจเอกพูลสวัสดิ์ โดยไม่จำต้องมีคำว่าพยานกำกับไว้ด้วย เมื่อการหย่าของโจทก์และจำเลยตามเอกสารหมาย จ.2 มีพยานลงลายมือชื่อ2 คน และจำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่า โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่าได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องหย่าโดยอาศัยเหตุว่าจำเลยชอบเล่นไพ่ผิดกฎหมายใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย และด่าโจทก์ แต่โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องหย่าโดยอ้างว่าโจทก์และจำเลยทำหนังสือตกลงหย่ากันโดยมีพยานลงลายมือชื่อ 2 คน แล้วจำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่าอีกเหตุหนึ่งด้วย เมื่อฟังว่าหนังสือตกลงหย่ากันมีพยานลงลายมือชื่อ 2 คนแล้ว เมื่อจำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่า โจทก์มีสิทธิฟ้องได้ดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของจำเลย”

พิพากษายืน

Share