แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาประกันภัยรถยนต์ซึ่งบริษัทจำเลยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ผู้เอาประกันภัยมีข้อความรวมถึงกรณีรถถูกขโมยทั้งคันด้วยคำว่า ‘ถูกขโมยทั้งคัน’ ตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวนอกจากมีความหมายถึงการที่รถถูกคนร้ายลักไปแล้ว ย่อมหมายความรวมถึงการที่รถถูกคนร้ายปล้นเอาไปด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายวิวัฒน์ได้เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของโจทก์ไป 1 คัน และได้ประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้กับจำเลยโดยให้โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย ต่อมาในระหว่างวันเวลาเอาประกันภัย มีคนร้าย 3 คนปล้นทรัพย์ของผู้มีชื่อ และได้ลักเอารถยนต์คันดังกล่าวไป โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย จำเลยไม่ยอมชำระขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จริง แต่ตามสัญญาประกันภัยข้อ 2(ก) ที่ระบุว่า จำเลยรับประกันภัยรถถูกขโมยทั้งคันนั้นมีความหมายว่ารถถูกคนร้ายลักเอาไป หาได้หมายความถึงถูกชิงหรือถูกปล้นเอาไปไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด
ก่อนสืบพยาน ทนายทุกฝ่ายแถลงร่วมกันว่า ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยต่างไม่สืบพยานว่า จำเลยต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย 1ข้อ 2(ก) หรือไม่ ส่วนค่าเสียหายเท่าใดนั้น ขอให้ศาลพิจารณาจากเอกสารที่ทนายโจทก์ส่งศาล
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2(ก) คำว่า “หรือถูกขโมยทั้งคัน” หมายความถึงการที่รถยนต์นั้นถูกลักไป ไม่หมายความถึงการถูกชิงหรือถูกปล้นเอาไป จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ตรวจดูสัญญาประกันภัยแล้ว ข้อตกลงที่จำเลยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามข้อ 2 มีข้อความดังนี้
“ข้อ 2 วินาศภัย หรือความบุบสลายอันเกิดแก่ยานยนต์ที่ระบุไว้ในตารางแห่งกรมธรรม์นี้ รวมทั้งเครื่องอุปกรณ์ในระหว่างที่ยังติดประจำอยู่กับรถในขณะนั้นอันเกิดในกรณี
(ก) โดยไฟไหม้ ซึ่งต้นเพลิงเกิดจากภายนอกตัวยานยนต์ หรือไฟลุกขึ้นเองขณะใช้ขับขี่ หรือเกิดระเบิดจากภายนอก ฟ้าผ่า หรือถูกขโมยทั้งคันหรือ ฯลฯ”
พิเคราะห์สัญญาประกันภัยข้อ 2(ก) แล้ว เห็นว่าคำว่า “ถูกขโมยทั้งคัน”นั้น นอกจากมีความหมายถึงการที่รถถูกคนร้ายลักไปแล้วยังหมายความรวมถึงการที่รถถูกคนร้ายปล้นเอาไปด้วย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนัยนี้และพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน