คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องว่ารถชนกันเกิดจากการกระทำโดยประมาทของทั้งฝ่ายจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น ข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยคนใดบ้างหรือว่า ทั้งสองคนเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ว่า เหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 มิได้กระทำโดยประมาทด้วย ศาลอุทธรรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ด้วยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยทั้งสองขับเกิดชนกัน และทำให้นางแก้ว กำแพงเพชร และจำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองต่างขับรถประมาทด้วยกัน แต่จำเลยที่ 2 ประมาทมากกว่าจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 2 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 3 เดือน

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียวขับรถโดยประมาท การที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำความผิดเป็นเหตุให้ลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้อุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 2 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียวขับรถโดยประมาท ส่วนปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์คัดค้าน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ได้หรือไม่ นั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าการที่รถชนกันเกิดจากการกระทำโดยประมาทของทั้งฝ่ายจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงที่ว่าเหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยคนใดบ้าง หรือว่าทั้งสองคนเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกันเมื่อคดีขึ้นไปสู่ศาลอุทธรณ์และข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ว่า เหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 มิได้กระทำโดยประมาทด้วย ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ได้อุทธรณ์ด้วยได้

พิพากษายืน

Share