คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยทำผิดวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ ซึ่งความจริงแล้ววันขึ้น13ค่ำเดือนยี่ ตรงกับวันที่ 2 มกราคม2501 ตามที่จำเลยให้การและลำดับเหตุการณ์ในวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2501 เป็นการเจือสมกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นแต่นำสืบปฏิเสธต่อสู้ปัดความรับผิดเท่านั้น จึงเห็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า เจ้าของม้ายังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเองพวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334,335 จำเลยให้การปฏิเสธ

ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า วันเกิดเหตุตามฟ้องว่าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตรงกับวันแรม 13 ค่ำเดือนยี่จำเลยกับชายแปลกหน้าอีกคน ได้มาที่เรือนผู้เสียหายถามขอซื้อม้าของผู้เสียหาย แต่ยังไม่ได้ตกลง จำเลยขอลองขี่และเพื่อนของจำเลยได้ขอลองขี่โดยจำเลยเป็นผู้รับรอง เพื่อนของจำเลยได้ขี่ม้าของผู้เสียหายหนีไป จำเลยนำสืบว่า ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตามฟ้อง ได้มีชายแปลกหน้ามาขอให้จำเลยพาไปบ้านผู้เสียหายเพื่อขอซื้อม้า จำเลยได้พาไปและชายผู้นั้นได้ลองขี่ม้าของผู้เสียหายแล้วพาม้าหนีไป

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 335,78 ให้จำคุก 1 ปี และใช้ราคาม้า

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า 1. โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำเดือนยี่ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยทำผิดวันขึ้น 13 ค่ำเดือนยี่ ซึ่งความจริงแล้ว วันขึ้น 13 ค่ำเดือนยี่ตรงกับวันที่ 2 มกราคม2501 ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้

2. การกระทำของจำเลยหากจะเป็นผิดก็ควรเป็นผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยในข้อหานี้ ลงโทษจำเลยมิได้

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยให้การและลำดับเหตุการณ์ตามข้อต่อสู้เจือสมกับการกระทำทั้งหลายที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำผิด ต่อสู้ว่าเพียงนำผู้อื่นไปซื้อม้าเท่านั้น เป็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้

ส่วนปัญหาข้อ 2 นั้น ขณะที่จำเลยกับพวกกำลังขอลองม้า สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าทรัพย์ตลอดเวลา แม้จำเลยจะได้ขออนุญาตให้เพื่อนของจำเลยซึ่งอ้างว่าจะเป็นผู้ซื้อขึ้นลองขับขี่ ไม่ทันเจ้าทรัพย์จะอนุญาต พวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าหนีไปต่อหน้าดังนี้ จึงเห็นว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวก จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

พิพากษายืน

Share