คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันมีใจความว่าจำเลยยอมใช้เงิน 70,000 บาท แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันการชำระเงินจำเลยยอมให้โจทก์เข้าสวมสิทธิไถ่การขายฝากที่ดิน เมื่อจำเลยไม่ใช้สิทธิไถ่ภายในกำหนดนั้น มิได้มีความหมายว่าเป็นการโอนสิทธิการไถ่การขายฝากให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497(2) ซึ่งเป็นเหตุให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่มีความหมายแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิไถ่ที่ดินที่ขายฝากคืนมาในนามของจำเลย จำเลยคงมีสิทธิอยู่ตามเดิม ส่วนโจทก์มีเพียงสิทธิที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน 70,000 บาทตามสัญญาเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลมีข้อความว่า

1. จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้รับมรดกยอมชดใช้เงินให้โจทก์รวม 70,000 บาท โจทก์พอใจในจำนวนเงินนี้แล้ว ไม่ติดใจเรียกร้องเอาเกินไปกว่านี้อีก

2. เพื่อเป็นประกันการชำระเงินตามข้อ (1) จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์เข้าสวมสิทธิการไถ่การขายฝากที่ดิน ฯลฯ ทั้งนี้ จะเข้าสวมสิทธิไถ่การขายฝากได้ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ใช้สิทธิไถ่ภายในกำหนดการขายฝากตามสัญญา

ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อโจทก์เข้าสวมสิทธิไถ่การขายฝากแล้วทรัพย์ที่ไถ่จากการขายฝากนั้นย่อมเป็นของโจทก์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การสวมสิทธิการไถ่ของโจทก์ตามสัญญายอมความข้อ 2 ไม่ทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ไถ่มา คงมีสิทธิจะบังคับคดีในฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เป็นการตกลงกันว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างเอาชำระและรับชำระหนี้สินตามที่ฟ้องเพียง 70,000 บาทตามสัญญาข้อ 1 เท่านั้น ส่วนสัญญาข้อ 2 เป็นการกำหนดหลักประกันการชำระหนี้ตามสัญญาข้อ 1 เพื่อให้โจทก์ได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนและแน่นอน จึงกำหนดไว้ว่า จำเลยที่ 1 ต้องยอมให้โจทก์เข้าสวมสิทธิการไถ่การขายฝากที่ดินในเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ใช้สิทธิไถ่การขายฝากภายในกำหนดอายุสัญญาขายฝาก ทั้งนี้ เพราะนอกจากทรัพย์ที่ขายฝากแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีทรัพย์สินอื่นอีกเลยฉะนั้น ถ้ามิได้กำหนดไว้ดังกล่าวในสัญญาข้อ 2 และเมื่อทรัพย์ที่ขายฝากตกเป็นของผู้รับซื้อฝากโดยเด็ดขาดแล้ว โจทก์ก็ย่อมจะไม่ได้รับชำระหนี้ 70,000 บาท ตามสัญญาข้อ 1 ดังนี้ ความหมายของข้อความที่ว่า ให้โจทก์เข้าสวมสิทธิการไถ่การขายฝากที่ดิน ฯลฯ ตามข้อ 2นั้น จึงมิได้หมายความว่า เป็นการโอนสิทธิการไถ่การขายฝากให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497(2) ซึ่งเป็นเหตุให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่โจทก์ใช้สิทธิไถ่มาดังโจทก์ฎีกาโต้เถียงไม่ คำว่า “สวมสิทธิการไถ่การขายฝากที่ดิน” มีความหมายเพียงให้โจทก์มีสิทธิไถ่ที่ดินที่ขายฝากได้คืนมาในนามของจำเลยหรือแทนจำเลยซึ่งเป็นผลให้ถือไม่ได้ว่าที่ดินที่ได้จากการขายฝากมานั้นเป็นของโจทก์ หากแต่ยังคงเป็นของที่จำเลยมีสิทธิอยู่ตามเดิม ส่วนโจทก์ก็คงมีเพียงสิทธิที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน 70,000 บาท ตามสัญญาข้อ (1)

ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share