แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทางอาญาในความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้น อายุความทางแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 โจทก์จึงมาฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายในกรณีเดียวกันนี้ได้แม้จะเกินกำหนดหนึ่งปีแล้ว คดีไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของรัฐซึ่งให้โจทก์ครอบครองให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินพิพาท ห้ามเกี่ยวข้อง และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 15,000 บาทให้โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ คดีฟังได้ว่ากรณีที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2518 นั้น โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองทางอาญาที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2518 ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม 2519 ขณะที่คดีอาญานั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองทางแพ่งเป็นคดีนี้ เห็นว่าเมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้สำนวนนี้ คดีอาญายังไม่เด็ดขาด อายุความทางแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 คดีสำนวนนี้จึงไม่ขาดอายุความ”
แต่ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาท
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสอง