แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ชายมีปืนขู่พาหญิงไปร่วมประเวณีและจดทะเบียนสมรส หญิงเพิกถอนได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1491 วรรค2 เดิม ซึ่งใช้อยู่ในขณะเกิดเหตุ การฟ้องคดีเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมไปในตัว
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์จำเลย ถ้าจำเลยไม่จัดการถอนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาเพิกถอน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยเพราะถูกจำเลยข่มขู่อันจะทำให้การสมรสเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1491 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุหรือไม่ ฯลฯ”
“ตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่าง ๆ ดังที่ได้วินิจฉัยมาจึงเชื่อได้ว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยเพราะจำเลยมีอาวุธปืนและพวกข่มขู่จะฆ่าโจทก์มารดาและพี่ชายโจทก์ในระหว่างที่จำเลยพาโจทก์ไปอำเภอบางคล้า เพื่อจดทะเบียนสมรส อันสืบเนื่องมาจากจำเลยกับพวกได้ฉุดคร่าโจทก์ไปแล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 คืน เพื่อจำเลยจะได้พ้นผิดทางอาญา การสมรสจึงเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1491 วรรคสองดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนได้ที่จำเลยเบิกความว่า โจทก์ถูกมารดาและพี่ชายบังคับให้แต่งงานกับนายสัญญาจึงนัดให้จำเลยซึ่งมีความรักต่อกันพาหนีไปพักและร่วมประเวณีกันโดยโจทก์สมัครใจ โจทก์ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับจำเลยเพราะกลัวจะถูกมารดาและพี่ชายพรากเอาไปแต่งงานกับนายสัญญานั้น จำเลยก็มิได้ถามค้านโจทก์ไว้ในขณะเบิกความ เป็นการกล่าวอ้างขึ้นลอย ๆ ทั้งปรากฏว่าจำเลยมีภรรยาแล้วเคยต้องหาคดีชิงทรัพย์มา 2 ครั้ง แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง และเคยถูกศาลปรับในข้อหามีอาวุธปืนมาแล้วอีกด้วย คำเบิกความของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักให้น่าเชื่อ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้บอกล้างโมฆียะกรรมเสียก่อนฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องคดีเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมไปในตัว”
พิพากษายืน