แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพ แต่ทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 15, 57, 66, 91, 102 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ และเงินสด 7,320 บาท คืนธนบัตร 24,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ นำโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 2 ที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3190/2545 ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ และนับโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ติดต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3208/2545 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ให้การปฏิเสธข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม) มาตรา 57 มาตรา 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) มาตรา 91 (ที่แก้ไขใหม่) การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 9 ปี ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57 มาตรา 91 (ที่แก้ไขใหม่) ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 1 ปี และปรับ 10,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงแรก 4 ปี 6 เดือน กระทงที่สอง 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี 12 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คืนธนบัตรของกลาง จำนวน 24,000 บาท และธนบัตรของกลางจำนวน 7,320 บาท แก่เจ้าของ ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 และโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน คงจำคุกจำเลยที่ 1 ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีกำหนด 6 เดือน ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้คืนธนบัตร 24,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเสพเมทแอมเฟตามีนเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตและยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 300 เม็ด จากสายลับเป็นของกลางและคดีสำหรับจำเลยทั้งสองในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาเพียงว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพันตำรวจตรีปรีดา กับจ่าสิบตำรวจพิชัย เป็นพยานเบิกความได้ความเพียงว่าหลังจากวางแผนล่อซื้อโดยนำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 24,000 บาท ไปถ่ายสำเนาเอกสารและลงบันทึกในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้เป็นหลักฐานแล้วมอบให้สายลับนำไปล่อซื้อจากจำเลยทั้งสองที่บ้านเกิดเหตุโดยพยานทั้งสองรออยู่ห่างที่เกิดเหตุถึง 150 เมตร ต่อมาสายลับโทรศัพท์เข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ของพันตำรวจตรีปรีดาและมีเสียงผู้ชาย 2 คน พูดต่อรองราคาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและได้ยินชายคนหนึ่งพูดว่ามีของอยู่ 100 ตัว ส่วนที่เหลืออยู่ที่อื่นจะไปหยิบมาให้ จากนั้นพยานทั้งสองเข้าไปที่บ้านเกิดเหตุ พบว่าจำเลยทั้งสองวิ่งหลบหนีและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้ สายลับมอบเมทแอมเฟตามีนให้พันตำรวจตรีปรีดา 300 เม็ด จากการตรวจค้น พบเงินจำนวน 7,320 บาท วางอยู่ภายในบ้าน จำเลยที่ 1 รับว่าได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสองไม่เห็นการล่อซื้อระหว่างสายลับกับจำเลยที่ 1 คงได้ยินเสียงทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่อ้างว่าสายลับโทรศัพท์เข้ามาและมีชาย 2 คน พูดต่อรองราคาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น ซึ่งไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นการเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างสายลับกับจำเลยที่ 1 ทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางก็ได้จากสายลับ หาได้ค้นได้ที่จำเลยที่ 1 ไม่และไม่ปรากฏว่าค้นพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้ออยู่ที่จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด ส่วนเงินที่ค้นได้จากที่เกิดเหตุก็ไม่เกี่ยวข้องกับการล่อซื้อในครั้งนี้ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่าที่มีน้ำหนักรับฟังได้น้อย เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสายลับมาเบิกความยืนยันว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางได้จากจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพ แต่ทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.