คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลรัษฎากรผู้ประกอบการค้าตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราภาษีการค้ามีหน้าที่เสียภาษีการค้าจากรายรับของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้า เว้นแต่จะมีการลดอัตราหรือยกเว้นโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่น พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่ 43) พ.ศ.2516 มาตรา 3 บัญญัติว่า”ให้ยกเว้นภาษีการค้าสำหรับสินค้าตามประเภทการค้า 1 ชนิด 1(ก) ของบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายหมวด 4 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ฯลฯ เฉพาะที่มิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 21) พ.ศ.2509 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ทั้งนี้ เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร” และตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวระบุ”ผลิตภัณฑ์ชงดื่ม” ไว้ในบัญชีที่ 1 หมวด 1 อาหารเครื่องดื่ม (3) ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เก็บใบชามาจากต้นแล้วนำไปผึ่งลม คั่ว นวดและอบ ตามลำดับ แล้วนำไปคัดเลือกแยกออกเป็นใบชาชนิดอ่อน ใบชาชนิดแก่และก้านชา สำหรับใบชาชนิดแก่และก้านชานี้โจทก์นำไปคั่วและบดให้เป็นผงเรียกว่าชาผง ใบชาชนิดอ่อนและชาผงโจทก์จำหน่ายให้แก่องค์การคลังสินค้า ซึ่งผู้ที่ซื้อต่อไปใช้ชงดื่มได้ทันที แต่ไม่เป็นที่นิยมกันเพราะรสชาติไม่เป็นที่นิยม และความสะอาดไม่ดีนัก ใบชาและชาผงดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่มตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้วเพราะอยู่ในสภาพที่ใช้ชง และนำน้ำที่ชงนั้นมาดื่มหรือบริโภคได้ โจทก์จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีการค้าสำหรับใบชาและชาผงนั้น

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า ใบชาและชาผลที่โจทก์จำหน่ายไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ชงดื่มตามบัญชีที่ 1 หมวด 1(3) ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2509ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามควาในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 43) พ.ศ. 2516 แต่เจ้าพนักงานประเมินภาษีของจำเลยได้ประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าสำหรับการจำหน่ายใบชาดังกล่าว จึงขอให้ยกเลิกคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์

จำเลยให้การว่า ใบชาและชาผงที่โจทก์จำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่มซึ่งโจทก์ผู้ผลิตต้องเสียภาษีการค้าร้อยละ 7 ของรายรับ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการค้าตามที่ระบุในบัญชีอัตราภาษีการค้า มีหน้าที่เสียภาษีการค้าจากรายรับของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้าดังกล่าว เว้นแต่จะมีการลดอัตราหรือยกเว้นโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่น ตามปัญหาดังกล่าว มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 43) พ.ศ 2516 มาตรา 3 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะนั้น บัญญัติว่า “ให้ยกเว้นภาษีการค้าสำหรับสินค้าตามประเภทการค้า 1 ชนิด 1(ก) ของบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายหมวด 4 ในลักษณะ2 แห่งประมวลรัษฎากร ฯลฯ เฉพาะที่มิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามควาในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 21)พ.ศ. 2509 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ทั้งนี้ เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร” และตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ระบุ “ผลิตภัณฑ์ชงดื่ม” ไว้ในบัญชีที่ 1 หมวด 1 อาหาร เครื่องดื่ม (3) ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อโจทก์เก็บใบชามาจากต้น แล้วได้นำไปผึ่งลม คั่ว นวดและอบตามลำดับ แล้วจึงนำไปคัดเลือกแยกออกเป็นใบชาชนิดอ่อน ใบชาชนิดแก่และก้านชาสำหรับใบชาชนิดอ่อนนั้น โจทก์นไปขายแก่องค์การคลังสินค้า ส่วนใบชาชนิดแก่และก้านชานั้น โจทก์นำไปคั่วและบดให้เป็นผง เรียกว่า ชาผง เสร็จแล้วจึงนำไปจำหน่ายให้แก่องค์การคลังสินค้า ใบชาและชาผงรายพิพาทที่โจทก์จำหน่ายแก่องค์การคลังสินค้านี้ผู้ซื้อที่ซื้อไปจากองค์การคลังสินค้าใช้ชงดื่มได้ทันที แต่ไม่เป็นที่นิยมกัน เพราะรสชาติไม่เป็นที่นิยมและความสะอาดไม่ดีนักเห็นได้ว่าใบชาและชาผงรายพิพาท ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่ม ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว เพราะอยู่ในสภาพที่ใช้ชงและนำน้ำที่ชงนั้นมาดื่มหรือบริโภคได้แล้ว หาจำเป็นต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆทุกขั้นตอนมาโดยสมบูรณ์จนสามารถนำไปบริโภคได้ทันที จึงจะถือว่า เป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่ม ดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่ ตามที่คู่ความแถลงรับกันว่า ผู้ซื้อใบชาจากองค์การคลังสินค้า จะนำใบชาไปคัดเลือกแยกเป็นชนิดดีหรือไม่ดีใบชาชนิดดีจะนำไปอบอีกแล้วผสมกับใบชาต่างประเทศออกจำหน่าย ส่วนใบชาชนิดไม่ดีจะเอาไปบดและคั่วแล้วผสมสีและหัวเชื้อจำหน่ายเป็นชาผงส่วนชาผงที่ผู้ซื้อซื้อไปจากองค์การคลังสินค้าจะนำไปคั่วหรืออบเสร็จแล้วผสมสีและหัวเชื้อแล้วจำหน่ายทันที หรือผสมกับชาผงต่างประเทศออกจำหน่ายเห็นว่า ที่ผู้ซื้อนำใบชาและชาผงไปปรุงแต่งกลิ่น สี รสชาตินั้นก็เพื่อให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภคและมีราคาจำหน่ายสูงขึ้นดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว หาใช่ว่ากรรมวิธีที่ผู้ซื้อจัดทำในชั้นหลังนี้ เพิ่งทำให้ใบชาและชาผงที่โจทก์ขายมานั้นเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่ม ดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าใบชาและชาผงรายพิพาทที่โจทก์ขายให้แก่องค์การคลังสินค้านั้น อยู่ในสภาพของผลิตภัณฑ์ชงดื่ม ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีการค้าคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share