คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมีโฉนดของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ในคดีที่โจทก์ร่วมซึ่งเป็นสามีโจทก์ถูกจำเลยฟ้องเรียกหนี้เงินกู้ แม้ในการยึดเจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดอย่างที่ดินมือเปล่า โดยนำส.ค.1 สำหรับที่ดินแปลงอื่นของโจทก์ร่วมมาและประกาศขายทอดตลาดว่าเป็นที่ดินมี ส.ค.1 โดยระบุเลขที่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำโดยสุจริตและจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต จำเลยย่อมได้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่นาโฉนดที่ 3233 และให้นายขำสามีทำนา จำเลยแจ้งความหาว่า นายขำบุกรุก และเอานาของโจทก์ให้นายจู๋เช่าทำ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไป

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่นาตามโฉนดที่โจทก์อ้าง จะอยู่ตรงไหนจำเลยไม่ทราบ แต่ที่นาที่นายขำบุกรุกนั้นเป็นของจำเลยซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ในคดีแพ่งแดงที่83/2507 ซึ่งจำเลยได้ชำระราคาแล้ว โดยนายขำสามีโจทก์เป็นลูกหนี้นายขำไม่มีเงินชำระหนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงยึดที่นา 1 แปลงเนื้อที่ 10 ไร่เศษ ในวันไปยึดโจทก์และนายขำทราบดี ไม่มีผู้คัดค้านระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศ โจทก์และนายขำมิได้ร้องขัดทรัพย์โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง โจทก์กับนายขำเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่นาเป็นสินสมรส จำเลยย่อมยึดได้ ทางศาลได้แจ้งอำเภอเพื่อให้ทำนิติกรรมขายให้แก่จำเลยแล้ว ระหว่างรอจดทะเบียนโจทก์ให้นายขำเข้าทำนาพิพาท เป็นการละเมิด ทำให้จำเลยเสียหายปีละ 1,400 บาท ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์กับนายขำร่วมกันใช้ค่าเสียหายนับแต่ปีที่ฟ้องจนกว่าจะไม่เข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยร้องขอให้เรียกนายขำเข้าเป็นโจทก์ร่วม และนายขำก็ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

โจทก์และโจทก์ร่วมให้การแก้ฟ้องแย้ง ปฏิเสธความรับผิด

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่ดินที่จำเลยซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลในคดีแพ่งแดงที่ 83/2507 คือที่พิพาทในคดีนี้ จำเลยได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 พิพากษายกฟ้องโจทก์ บังคับตามฟ้องแย้ง ให้โจทก์และโจทก์ร่วมใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยปีละ 1,000 บาท นับแต่ พ.ศ. 2508 เป็นต้นไปจนกว่าจะไม่เข้าเกี่ยวข้องกับนาพิพาท

โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต จำเลยจึงได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 นั้นยังไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่นำสืบกันมา

ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์และโจทก์ร่วมเป็นสามีภริยากันนาพิพาทมีโฉนดเลขที่ 3233 มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของ เนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน โจทก์ร่วมมีที่ดินอีก 1 แปลงเป็นที่มือเปล่ามี ส.ค.1 เนื้อที่9 ไร่ อยู่ติดต่อกับที่ของโจทก์มีคันมาเป็นเขต โจทก์ร่วมถูกจำเลยฟ้องเรียกเงินกู้ ทำยอมใช้หนี้แล้วไม่ใช้ จำเลยจึงขอให้ยึดที่นาของโจทก์ร่วม เวลายึดโจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้ไป ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดว่า ขายที่ดินมี ส.ค.1ของโจทก์ร่วม

โจทก์ร่วมแถลงรับว่า ที่ดินที่เจ้าพนักงานศาลไปยึดกับที่ดินที่พนักงานที่ดินไปทำแผนที่ในคดีนี้เป็นแปลงเดียวกัน ตามแผนที่ปรากฏว่าที่ดินที่โจทก์นำชี้ว่า เป็นที่มีโฉนดของโจทก์ทับที่ดินที่จำเลยซื้อจากศาล

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นมาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า จำเลยได้ซื้อที่พิพาทนี้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริตหรือไม่เท่านั้น ได้ความจากนายสำเนียงพนักงานบังคับคดีพยานจำเลยว่าวันไปยึดที่พิพาท ได้พบกับโจทก์และโจทก์ร่วม ได้แจ้งกับโจทก์ร่วมว่าจะไปยึดที่นาของโจทก์ร่วม ให้โจทก์ร่วมไปในการยึดด้วยโจทก์ร่วมไม่ยอมไป นาพิพาทที่ยึดห่างบ้านโจทก์กับโจทก์ร่วมประมาณ 2 เส้น จากเรือนโจทก์ร่วมยังมองเห็นที่ยึดได้ เมื่อยึดแล้วได้มาที่บ้านโจทก์ร่วมอีก ทำบันทึกการยึดอ่านให้โจทก์ร่วมฟังโจทก์ร่วมได้ลงชื่อไว้ในบันทึกนั้นด้วย แต่โจทก์กลับลงจากเรือนไปเสีย และยังได้ความจากโจทก์ร่วมว่า นาที่ยึดเป็นที่ ส.ค.1 แต่โจทก์ร่วมเอาไปวางประกันหนี้ นายสำเนียงไปขอ ส.ค.1 จากเจ้าหนี้ของโจทก์ร่วมมาได้ จึงได้ลงในประกาศขายทอดตลาดว่าที่ดินเป็นที่นามี ส.ค.1 เลขที่ 54/2498 และตอนขายได้มีการประกาศขายทอดตลาดโดยปิดประกาศขายทอดตลาดตามสถานที่ต่าง ๆ ตลอดจนมีรายงานการขายทอดตลาดว่า มีผู้เข้าประมูล 3 คน จำเลยให้ราคาสูงกว่าคนอื่นจึงเป็นผู้ซื้อได้ ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าพนักงานได้ปฏิบัติการไปถูกตามกฎหมายแล้ว จำเลยเป็นผู้ประมูลราคาสูงสุด จึงซื้อได้ ไม่มีพฤติการณ์ใดแสดงว่า การขายทอดตลาดที่พิพาทตามคำสั่งศาลนั้นเจ้าพนักงานก็ดี จำเลยก็ดีได้กระทำไปโดยไม่สุจริต แม้จะปรากฏว่าประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานเป็นที่ดินที่มี ส.ค.1 ซึ่งความจริงเป็นที่มีโฉนดก็ตาม ก็ไม่ทำให้การขายทอดตลาด ซึ่งเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยซื้อไว้โดยสุจริตเสียไป เมื่อจำเลยซื้อที่พิพาทไว้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริตย่อมได้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330

พิพากษายืน

Share