คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถแทรกเตอร์และสินค้าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้นๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้านั้นมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับ ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่ และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่ แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่นจานไถ เครื่องคราดนาหากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปไม่ จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากร โดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม ที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สั่งรถแทรกเตอร์รวมทั้งส่วนประกอบและอุปกรณ์ใช้ในการเกษตร กับส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรมเข้ามาจำหน่าย เดิมต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ ต่อมามีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 15) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 ให้ลดอัตราภาษีการค้าลงเหลือร้อยละ 3 ซึ่งโจทก์ได้เสียในอัตรานี้ไปแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้ากลับแจ้งประเมินให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอีก 1,519,133.21 บาท โจทก์อุทธรณ์ จำเลยที่ 2, 3, 4 ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นชอบด้วยการประเมิน แต่ให้ยกเบี้ยปรับโจทก์ได้เสียภาษีการค้าและเงินเพิ่มรวม 902,252.32 บาทตามคำวินิจฉัยให้จำเลยแล้ว ขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่เรียกร้อง และให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันชำระ

จำเลยต่อสู้ว่า เจ้าพนักงานประเมิน ประเมินภาษีถูกต้องแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาต่อมา

คู่ความรับข้อเท็จจริงกันว่า รถแทรกเตอร์ที่โจทก์ต้องเสียภาษีตามที่พิพาทกัน มีรูปลักษณะตามเอกสาร จ.1 ถึง จ.5 และรายการสินค้าต่าง ๆ ที่โจทก์ยื่นประเมินในการเสียภาษี ปรากฏในเอกสารจ.6 นอกจากเครื่องคำนวณ เครื่องทำบัญชี และเครื่องบวกเลขซึ่งได้เสียภาษีถูกต้องแล้วไม่เกี่ยวกับคดีนี้

พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 15) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 บัญญัติว่า”ให้ลดอัตราภาษีการค้าตามประเภทการค้า 1 แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้า ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2504 คงจัดเก็บตามชนิดและอัตราดังต่อไปนี้

(1) ชนิด 1 (ก) เฉพาะแหและอวนใช้ในการประมงเครื่องจักรส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมที่ผู้นำเข้ามิได้นำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตของตนเองร้อยละ 3 ของรายรับ

(2) ฯลฯ”

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รถแทรกเตอร์และสินค้าต่าง ๆ ตามบัญชีหมาย จ.6 ซึ่งโจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย (เว้นแต่เครื่องคิดเลข เครื่องคำนวณ เครื่องทำบัญชี) เป็นเครื่องจักรส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้น ๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้าดังกล่าวมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใดโจทก์จำเลยรับกันว่ารถแทรกเตอร์ที่โต้เถียงกัน มีรูปร่างและลักษณะตามเอกสาร จ.1 ถึง จ.5 ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้ว ตาม ภาพ จ.1 แสดงให้เห็นว่า เป็นรถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ภาพ จ.3 แสดงการใช้รถแทรกเตอร์ไถนารถแทรกเตอร์นี้ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ เพราะมีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับขี่เท่านั้นนอกจากนี้พยานโจทก์ยังเบิกความว่า รถแทรกเตอร์ที่โจทก์สั่งเข้ามานี้จำหน่ายให้แก่ชาวไร่และเคยขายให้ทางราชการซึ่งก็นำไปใช้ในการทำไร่ ศาลฎีกาเห็นว่า ภาพตามเอกสาร จ.1 จ.2และ จ.5 แสดงให้เห็นการทำงานของรถแทรกเตอร์ในไร่นาอันเป็นเรื่องของการเกษตรทั้งสิ้น แสดงว่า เป็นเครื่องจักรผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างจึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการ เช่น จานไถและเครื่องคราดนา หากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง ก็หาทำให้รถแทรกเตอร์นี้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปได้ไม่

ปัญหาที่ว่า สินค้าเครื่องอะไหล่ต่าง ๆ ตามบัญชีหมาย จ.6 เป็น “ส่วนประกอบและอุปกรณ์” เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรมหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาที่อ้างข้างต้นมาตรา 5 มีวัตถุประสงค์จะลดอัตรารัษฎากรให้แก่การขายสินค้าซึ่งเป็น “เครื่องจักร” ใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมอย่างหนึ่งและ “ส่วนประกอบและอุปกรณ์” ของเครื่องจักร ซึ่งใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมอีกอย่างหนึ่ง

ศาลฎีกาฟังว่า สินค้า “เครื่องอะไหล่” ตามบัญชีหมาย จ.6 เป็น “ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์” เครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม ซึ่งโจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย จึงอยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรรัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร หากจะลดภาษีให้เฉพาะ “ส่วนประกอบและอุปกรณ์” ซึ่งติดมาพร้อมกับตัวเครื่องจักรดังพยานจำเลยว่า ก็ไม่จำเป็นที่กฎฆมายจะต้องเขียนว่า “เครื่องจักรส่วนประกอบ และอุปกรณ์เครื่องจักร” เขียนว่า “เครื่องจักร” ใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมคำเดียวก็พอ เพราะส่วนประกอบและอุปกรณ์ซึ่งติดมาพร้อมกับตัวเครื่องจักรเช่นล้อรถแทรกเตอร์หรือนมหนู ก็ต้องถือว่าเป็น “ตัวเครื่องจักร” ซึ่งได้รับการลดอัตราภาษีในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเขียนแยกไว้ต่างหาก ฯลฯ

พิพากษากลับ ให้จำเลยร่วมกันคืนเงินภาษีตามที่โจทก์ฟ้องให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันโจทก์ชำระจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ

Share