คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ได้กรรมสิทธิที่พิพาทโดยจดทะเบียนโอนตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยจึงไม่อาจใช้สิทธิดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ซึ่งได้ที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยขุดตัดอ้อยและรื้ออาคารออกจากที่พิพาท จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดพิพาทตามฟ้องโอนที่พิพาทแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยแทน ถ้าไม่อาจจะปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวได้ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ ปรากฏตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 149/2515 ของศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ทราบคำพิพากษาแล้วไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานที่ดินจึงได้จดทะเบียนสิทธิทำการโอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดที่พิพาทตามคำพิพากษา แต่โจทก์ไม่อาจเข้าครอบครองที่ดินพิพาทได้เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ปลูกอ้อย จำเลยที่ 3 ปลูกอาคารร้านค้าอยู่ในที่ดินพิพาท

จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิชำระเงินแทนการโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา เห็นว่า คำพิพากษาในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 149/2515 ของศาลชั้นต้นได้บังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ หากไม่สามารถจะโอนได้ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยแทน ถ้าไม่อาจจะปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวได้จึงให้จำเลยชำระเงินคืนแก่โจทก์ ฉะนั้นการบังคับคดีจึงต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาดังกล่าว คดีนี้ปรากฏว่า โจทก์ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนสิทธิ์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โดยถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยแทนแล้วการบังคับคดีตามคำพิพากษาดังกล่าวจึงเสร็จสิ้นลง จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิอ้างสิทธิในที่ดินพิพาทและขอให้โจทก์รับชำระเงินแทนการโอนนั้นได้อีกฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า จำเลยที่ 3 ได้ซื้อที่ดินพิพาทส่วนของจำเลยที่ 2 ไว้จากจำเลยที่ 2 และครอบครองที่ดินพิพาทมาเกินกว่า 10 ปีได้กรรมสิทธิ์แล้วขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์นั้น เห็นว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทมาก็โดยอาศัยผลตามคำพิพากษาที่บังคับให้จำเลยที่ 1ที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมโอนให้แก่โจทก์ตามสัญญาต่างตอบแทนและโจทก์ได้จดทะเบียนสิทธิเป็นของโจทก์แล้ว โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3ได้จดทะเบียนสิทธิต่อเจ้าพนักงานตามที่จำเลยที่ 3 อ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์ จำเลยที่ 3 จึงไม่อาจจะใช้สิทธิดังกล่าวซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนสิทธิยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ซึ่งได้ที่ดินพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตนั้นได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง และคดีไม่จำเป็นต้องสืบพยานจำเลยที่ 1และที่ 3 ตามที่ฎีกา”

พิพากษายืน

Share