คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ลงนามฟ้องความแทนโจทก์โดยอาศัยใบแต่งทนายซึ่งโจทก์ทำให้เพียงใบเดียว แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องความ ก็ย่อมใช้ได้
การเช่าที่ราชพัสดุรายพิพาท โจทก์จำเลยที่ 1 และนางชอุ่มได้ทำสัญญาเช่าร่วมกันรับผิดต่อกระทรวงการคลังแต่ทำสัญญาแยกกันคนละฉบับ ต่อมาจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวทำสัญญาโดยเอาที่นี้ไปให้จำเลยที่ 2 เช่าช่วงปลูกโรงภาพยนต์ กระทรวงการคลังจึงได้บอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียว เช่นนี้ สัญญาเช่าระหว่างกระทรวงการคลังกับโจทก์และนางชอุ่มซึ่งมิได้ถูกบอกเลิกนั้น ยังคงใช้ได้อยู่

ย่อยาว

คดีนี้ คู่ความรับกันว่า เดิมโจทก์ จำเลยที่ 1 และนางชอุ่มรวม3 คน ได้ทำสัญญารับผิดร่วมกันขอเช่าที่ราชพัสดุแปลงเลขที่ 8/900เพื่อปลูกสร้างอาคารให้คนเช่า แต่สัญญานี้ได้แยกทำคนละฉบับ ศาลหมายจ.1-2-3 ตามลำดับ ต่อมาจำเลยที่ 1 คนเดียวได้เอาที่ดินแปลงนี้ไปให้จำเลยที่ 2 เช่าช่วงเพื่อปลูกโรงภาพยนตร์ และด้วยเหตุนี้ทางการจึงได้บอกเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลยที่ 1 โดยผิดสัญญา เพราะให้เช่าช่วง

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้จำเลยที่ 2 รื้อขนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินรายนี้ออกไป และทำที่ดินให้คงสภาพเดิมตามข้อที่ท้ากัน

คดีนี้ คู่ความไม่สืบพยาน คงมีประเด็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามคำแถลงของโจทก์จำเลยเพียง 2 ข้อ คือ

1. ทนายโจทก์ลงนามฟ้องความแทนโจทก์โดยอาศัยใบแต่งทนายซึ่งโจทก์ทำให้เพียงใบเดียว ไม่มีหนังสือมอบอำนาจได้หรือไม่

2. สัญญาเช่าที่พิพาทระหว่างโจทก์ นางชอุ่มและจำเลยที่ 1ที่ทำไว้ร่วมกันกับกระทรวงการคลังนั้น เมื่อกระทรวงการคลังบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 เพียงคนเดียว โจทก์และนางชอุ่มยังคงมีสิทธิตามสัญญาเช่านั้นหรือไม่

ประเด็นข้อ 1. ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 ข้อ 11 คำว่า “คู่ความ” กินความถึงทนายซึ่งมีสิทธิกระทำการแทนตัวความด้วย ตามมาตรา 60 วรรคแรก ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คู่ความจะตั้งแต่งทนายคนเดียวหรือหลายคนให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตนก็ได้ซึ่งการยื่นฟ้องคดีก็เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกระบวนพิจารณา ซึ่งหมายความถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยทั่ว ๆ ไป แต่ถ้ากฎหมายประสงค์จะตัดสิทธิของทนายความอย่างใดก็ย่อมบัญญัติข้อความไว้เป็นพิเศษ เช่นตามมาตรา 62 ทนายความจะดำเนินกระบวนพิจารณาในทางจำหน่ายสิทธิ ของคู่ความมิได้ และจะใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาก็ไม่ได้เว้นแต่จะได้รับอำนาจจากตัวความโดยชัดแจ้งซึ่งให้ระบุไว้ในใบแต่งทนายตามใบแต่งทนายของโจทก์ในเรื่องนี้โจทก์ได้มอบอำนาจทุกประการดังว่านี้ให้แก่ทนายโจทก์ด้วย ฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย

ประเด็นข้อ 2. ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าระหว่างกระทรวงการคลังกับโจทก์และนางชอุ่มซึ่งยังมิได้ถูกบอกเลิก ยังคงใช้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 390 เมื่อโจทก์ยังมีสิทธิเช่าที่แปลงนี้อยู่ และจำเลยเข้ามาปลูกสร้างในที่โจทก์โดยไม่มีสิทธิ โจทก์ก็ขับไล่จำเลยได้ เพราะระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีสัญญาต่อกัน

Share