คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1950/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขัดคำสั่งผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอที่สั่งให้จำเลยออกไปจากที่ดินที่ทางราชการสงวนไว้สำหรับสาธารณประโยชน์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความเชื่อมั่นโดยสุจริตใจว่าที่ดินนั้นเป็นของจำเลยโดยการครอบครองมาช้านานเกินกว่า 40 ปี ซึ่งอำเภอจะสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินโดยพลการเช่นนี้ไม่ได้ จำเลยมีเหตุผลอันดีและมีข้อแก้ตัวอันสมควรที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นได้ ย่อมเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
ตามรูปเรื่องเช่นว่านี้ สมควรที่จะดำเนินคดีว่ากล่าวถึงเรื่องสิทธิในที่ดินกันทางแพ่ง ยิ่งกว่าการฟ้องร้องทางอาญาฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกต้นยางในดินที่ทางราชการสงวนไว้สำหรับทำสุสานสาธารณะประโยชน์ และจำเลยได้ยึดถือเอาที่ดินทั้งแปลงนั้นตลอดมา ต่อมา จำเลยได้ทราบคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายพิศผู้รักษาการแทนนายอำเภอเทพ ให้จำเลยเลิกใช้ที่ดินแปลงนี้ภายใน 10 วัน จำเลยขัดขืนไม่กระทำตามคำสั่งดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2) พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122

จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินรายนี้เป็นของจำเลยได้รับจากบิดามารดาปกครองเป็นเจ้าของตลอดมา 42 แล้ว ไม่ใช่ที่ดินสงวนดังฟ้องของโจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 50 บาท ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2)

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีความเชื่อมั่นโดยสุจริตใจว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของจำเลยครอบครองมาช้านานเกินกว่า 40 ปี ซึ่งอำเภอจะสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินโดยพละการเช่นนี้ ไม่ได้ ความเชื่อมั่นของจำเลยเช่นนี้มีเหตุผลสนับสนุนอยู่พร้อมมูล ศาลฎีกาเห็นว่าตามรูปเรื่องที่เป็นมา สมควรที่จะดำเนินคดีว่ากล่าวถึงสิทธิในที่ดิน กันทางแพ่งยิ่งกว่าการฟ้องร้องทางอาญาฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเช่นนี้ เพราะปรากฏโดยชัดแจ้งอยู่แล้วว่า จำเลยมีเหตุผลอันดีและมีข้อแก้ตัวอันสมควรที่จะไม่ปฏิบัติ ตามคำสั่งนั้นจึงเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share