แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้ว ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวจะมาฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะส่วนตัวไม่ได้
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชีจะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวจะฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะผู้ชำระบัญชีไม่ได้
โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมยังไม่มีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชี แล้วจึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินยืมจากจำเลย 543,385.15 บาท ซึ่งโจทก์กับพวกและจำเลยเป็นหุ้นส่วนสามัญดำเนินงานในนามของสหการแพทย์สถานหุ้นส่วนเลิกกันแล้วโดยโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชี
จำเลยต่อสู้ว่าการแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชี ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยมีสิทธิขอหน่วงการชำระเงินคืนได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลแพ่ง ให้จำเลยใช้เงิน 534,385.15บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย 7% ต่อปี ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จโดยให้จำเลยวางเงินไว้ต่อศาลแพ่งเพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญสหการแพทย์ด้วยกันทุกคน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้วกฎหมายบังคับไว้ให้มีการชำระบัญชีและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี การทวงถามหนี้สินของห้างหุ้นส่วนจึงต้องกระทำโดยผู้ชำระบัญชี ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวจะมาฟ้องเรียกร้องในฐานะส่วนตัวจึงไม่มีสิทธิที่จะทำได้
สำหรับผู้เป็นหุ้นส่วนถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชี จะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน การที่โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวมาฟ้องเรียกร้องหนี้รายนี้ในฐานะผู้ชำระบัญชี จึงเป็นการไม่มีสิทธิ
ส่วนข้อที่ว่า โจทก์ได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายนั้น ถ้าเป็นความจริงพออนุโลมได้ว่า เป็นการกระทำที่หุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันร่วมกันจัดการชำระบัญชีก็ดีแต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดสิทธิฟ้องร้องของโจทก์ในกรณีนี้จึงยังไม่มีอีก
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชีแล้ว จึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้
ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายทั้ง 3 ศาลของทั้งสองฝ่าย ๆ ละ 3,000 บาทให้หักจากสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน โดยให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกไปเพื่อจัดการค้าของห้าง