คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่มีคำร้องขอให้ห้ามชั่วคราวตาม ม.256 แม้อีกฝ่ายไม่ได้รับสำเนาคำร้องแต่เมื่อได้ทราบคำร้องนั้นถึงกับได้มาแถลงในคราวศาลนัดพร้อมแล้ว มีผลเท่ากัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางเอียดจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับสวนยางตามพินัยกรรมของนายล่ายสามี ๆ ได้ขายให้โจทก์เป็นเงิน 20,000 บาท ได้รับเงินไปหมดแล้ว ยังมิทันทำโอน นายล่ายก็ตายลง จึงขอให้นางเอียดจำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาขายสวนยางรายนี้โอนกรรมสิทธิ์ให้นายรอตโจทก์

นางเอียดจำเลยที่ 1 ให้การรับตามฟ้อง ยอมโอน

ชั้นชี้สองสถานนายรอตโจทก์ นางเอียดจำเลยที่ 1 ตกลงกันขอให้เรียกนางมุ่ย เข้ามาเป็นจำเลยร่วม (ซึ่งในคดีก่อนคือคดีดำ 310/98 นางมุ่ยฟ้องนางเอียดเป็นจำเลย ฟ้องเรียกสวนยางรายพิพาท)

นางมุ่ยซึ่งเข้ามาเป็นจำเลยร่วม (เป็นจำเลยที่ 2) ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ทั้งหมด กับร้องขอให้ศาลสั่งห้ามนายรอต โจทก์มิได้กรีดยางในสวนพิพาท

ศาลสอบถามแล้ว นายรอตโจทก์แถลงว่าที่พิพาทนี้ได้ครอบครองและกรีดยางมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2498 โดยนายล่ายผู้ตายได้ทำสัญญาจะขายให้

ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำรับของนางมุ่ยมีเหตุเพียงพอและจำเป็นที่จะคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความ จึงมีคำสั่งห้ามมิให้นายรอตกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปเกี่ยวกับกรีดยางในสวนยางนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 25

นายรอตอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นายรอตฎีกาเป็นข้อ ๆ ดังชั้นศาลอุทธรณ์ คือ

1. นายล่ายได้ทำหนังสือสัญญาจะขายให้นายรอตแล้ว ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ยังโต้เถียงซึ่งศาลจะได้พิจารณาชี้ขาดต่อไปข้างหน้า หาใช่ว่ายุติแล้ว

2. นายรอตไม่ได้รับสำเนาคำร้องตาม มาตรา 256

ศาลฎีกาเห็นข้อว่านี้ปรากฏว่านายรอตได้ทราบคำร้องถึงกับมาแถลงในคราวศาลนัดพร้อม ปรากฏในรายงานพิจารณาแล้ว มีผลเท่ากัน

3. การห้ามคือให้หยุดกรีดยางเสียทีเดียวนั้นทำให้ขาดประโยชน์ทั้ง 2 ข้าง มีทางคุ้มครองอย่างอื่นอยู่ เช่นให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกรีด และนำเงินค่ายางจำนวนสุทธิมาวางศาล เมื่อฝ่ายใดชนะก็รับเงินนั้นไปเป็นต้น

ข้อนี้ศาลสั่งตาม มาตรา 254(2) และ 25 โดยศาลใช้ดุลยพินิจว่ามีเหตุสมควรที่จะคุ้มครอง ส่วนวิธีการอื่นดังนายรอตกล่าวนั้น ไม่มีประเด็นนายรอตมิได้เอ่ยถึงในชั้นสอบถาม

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share