แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะได้รับสำเนาคำร้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขและเพิ่มเติมฟ้องยังไม่ถึง 3 วันก่อนศาลชั้นต้นทำคำสั่งอนุญาตก็ดีแต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยแถลงไม่คัดค้านที่โจทก์ขอแก้ทั้งได้ทำคำให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมแล้วจำเลยจะมาคัดค้านในชั้นฎีกาไม่ได้
พฤติการณ์ที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ปฏิบัติมา เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองแสดงกับบุคคลภายนอกว่าเป็นตัวแทนของตนแม้ข้อบังคับของบริษัทมีว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อในนิติกรรม จึงจะผูกพันจำเลยที่ 1 ได้บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต
ย่อยาว
ได้ความว่าพฤติการณ์ที่บริษัทจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ปฏิบัติกันมา เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองแสดงกับบุคคลภายนอกว่าเป็นตัวแทนของตน
จำเลยที่ 1 ฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ในข้อกฎหมาย จำเลยที่ 1 คัดค้านในการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขและเพิ่มเติมฟ้องทั้ง 5 สำนวน ซึ่งเป็นการไม่ชอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181 เพราะโจทก์ยังไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยก่อนวันนัดพิจารณา 3 วัน
ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จำเลยที่ 1 จะได้รับสำเนาคำร้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขและเพิ่มเติมฟ้องยังไม่ถึง 3 วันก่อนศาลชั้นต้นทำคำสั่งอนุญาตก็ดี ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้แถลงในสำนวนที่ 4 ไม่ คัดค้านที่โจทก์ขอแก้ ทั้งได้ทำคำให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมแล้วจะมาคัดค้านในชั้นนี้ไม่ได้
ส่วนในสำนวนที่ 1, 2, 3 และ 5 จำเลยที่ 1 ก็ได้แถลงคัดค้านว่าโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องให้จำเลยก่อนวันชี้สองสถาน 3 วัน ศาลชั้นต้นสั่งว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดให้ยื่นคำร้องเช่นนี้ก่อนวันชี้สองสถาน 3 วัน จึงอนุญาตให้โจทก์แก้ไขและเพิ่มเติมฟ้องได้ การที่จำเลยที่ 1 กลับมาคัดค้านในชั้นนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
เมื่อได้ความดังกล่าวข้างต้นว่า พฤติการณ์ที่บริษัทจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ปฏิบัติกันมา เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองแสดงกับบุคคลภายนอกว่าเป็นตัวแทนของตน แม้ข้อบังคับของบริษัทมีว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อในนิติกรรมจึงจะผูกพันบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้บริษัทจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องทุกสำนวนพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์