แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่บ้านซึ่งจำเลยมิได้ปฏิเสธประกอบกับคำรับรองของจำเลยว่าเป็นที่บ้านนานมาแล้วทั้งกระชับความให้แน่นแฟ้นว่าเป็นที่บ้านตามกฎหมายด้วยโดยมิได้วางข้อยกเว้นเป็นอย่างอื่นดังนี้ ศาลย่อมฟังว่าเป็นที่บ้านตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินท้ายฟ้องหมายเลข 1 ถึง 6 ราคา 3,000 บาท โจทก์ได้ทำหนังสือยกทรัพย์ดังกล่าวให้จำเลยเป็นเครื่องตอบแทนที่จำเลยรับจะเลี้ยงดูโจทก์ เพราะโจทก์เป็นคนชรา ต่อมาจำเลยทุบตีโจทก์และไม่ส่งเงินและอาหารเลี้ยงดูโจทก์ เป็นการเนรคุณโจทก์ จึงฟ้องเรียกทรัพย์คืน และขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่าเฉพาะทรัพย์อันดับ 6 จำเลยได้ยกที่สวนของจำเลย3 ไร่ ให้นายพันธ์เป็นเครื่องแลกเปลี่ยน จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาส่งเสียอาหารและเงินให้โจทก์แต่อย่างใด
โจทก์ จำเลย รับกันว่า
1. เรือน 2 หลัง ยุ้งข้าว ครัว ตามบัญชีท้ายฟ้อง อันดับ 1 ถึง 4 ปลูกอยู่บนที่บ้านอันดับ 5 เป็นที่บ้านอยู่อาศัยนานมาแล้วอันเป็นที่บ้านตามกฎหมาย
2. ที่ดินอันดับ 6 ปลูกกระชายอันถือว่าเป็นที่ไร่ ฯ ล ฯ
5. ที่ดินอันดับ 5-6 เป็นที่ดินมือเปล่า
6. ที่ดินตามสัญญาระบุว่า จำเลยได้ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของนายพันธ์นั้น เป็นทรัพย์ที่จำเลยให้นายพันธ์ตอบแทนที่โจทก์ยกที่ดินอันดับ 6 ให้แก่จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่า ทรัพย์อันดับ 6 เป็นสัญญาต่างตอบแทนเกี่ยวข้องกับนายพันธ์บุคคลภายนอก โจทก์เรียกคืนไม่ได้ ทรัพย์อันดับ 5-6 เป็นสัญญาให้โดยเสน่หา แต่ทรัพย์อันดับ 1 ถึง 4 ปลูกอยู่ในที่ดินอันดับ 5 ซึ่งเป็นที่บ้านอยู่อาศัยมาช้านาน ย่อมเป็นอสังหาริมทรัพย์ตามสภาพตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 100 และเป็นที่บ้านตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 โดยที่สัญญายกให้มิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานย่อมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ยังเป็นของโจทก์อยู่ พิพากษาให้จำเลยส่งคืนทรัพย์อันดับ 1 ถึง 5 ให้โจทก์ ขับไล่จำเลยและห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง ทรัพย์อันดับ 6 บังคับคืนให้แก่โจทก์ไม่ได้ แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะว่ากล่าวกันตามเรื่องสัญญาต่างตอบแทนต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยตัดเฉพาะข้อความที่ว่า “แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะว่ากล่าวกันตามเรื่องสัญญาต่างตอบแทนต่อไป” ออก นอกนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาเฉพาะที่เกี่ยวกับทรัพย์อันดับที่ 1 ถึง 5 โดยที่ราคาทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท จึงฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์อ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่บ้านซึ่งจำเลยมิได้ปฏิเสธ ประกอบกับคำรับรองของจำเลยว่าเป็นที่บ้านนานมาแล้ว ทั้งกระชับความให้แน่นแฟ้นว่าเป็นที่บ้านตามกฎหมายด้วยโดยมิได้วางข้อยกเว้นเป็นอย่างอื่น จึงเห็นพ้องกับศาลล่างว่าเป็นที่บ้านตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 ฯลฯพิพากษายืน ฯลฯ