แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เหตุเกิดเวลากลางวัน บ้านเกิดเหตุเป็นห้องแถว ผู้เสียหายและคนอื่น ก็อยู่ใกล้บ้าน จำเลยเข้าไปเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าในบ้าน รุ่งขึ้นก็เอาไปคืน สามีผู้เสียหาย พฤติการณ์ดังนี้น่าเชื่อว่ากระทำไปโดยถือวิสาสะว่าเป็น ผู้คุ้นเคยกับสามีผู้เสียหาย เคยหยิบยืมของของสามีผู้เสียหายไปใช้แล้วนำมาคืน การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาที่จะลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(8) จำคุก 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามทางนำสืบของโจทก์จำเลยว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายและเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าของผู้เสียหายไปจริง ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวจำเลยนำนายกิมซ้งแซ่ตั้ง สามีผู้เสียหายมาเบิกความประกอบคำเบิกความของจำเลยว่า จำเลยเคยขอยืมพวกเครื่องมือของนายกิมซ้ง บางครั้งจำเลยก็หยิบเอาไปโดยที่นายกิมซ้งไม่ทราบ แต่หลังจากใช้แล้วก็นำมาคืน ความข้อนี้ตัวผู้เสียหายเองก็เบิกความรับว่าจำเลยมีความคุ้นเคยกับสามีผู้เสียหาย และเมื่อสามีผู้เสียหายทราบเรื่องก็ได้บอกเล่าถึงความคุ้นเคยกับจำเลยให้ผู้เสียหายฟัง และให้ผู้เสียหายไปถอนแจ้งความซึ่งผู้เสียหายก็ปฏิบัติตาม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้ถอน ทั้งสามีผู้เสียหายยังเบิกความด้วยว่าเมื่อจำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน จำเลยก็นำหม้อหุงข้าวไฟฟ้าของผู้เสียหายมาคืนให้ในวันรุ่งขึ้นจากวันเกิดเหตุ ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เหตุเกิดเวลากลางวันบ้านของผู้เสียหายซึ่งเป็นที่เกิดเหตุเป็นห้องแถว ขณะเกิดเหตุก็ปรากฏตามคำผู้เสียหายว่าห้องแถวข้างเคียงก็มีคนอยู่ ผู้เสียหายกับพยานโจทก์ก็อยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านผู้เสียหายนั่นเอง ตัวจำเลยเองก็มีอาชีพเป็นหลักฐานการที่จำเลยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย และเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าของผู้เสียหายซึ่งมีราคาเพียง 1,200 บาทไป ต่อมาวันรุ่งขึ้นจากวันเกิดเหตุจำเลยก็นำเอาไปคืนให้กับสามีของผู้เสียหาย ตามพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวมากรณีน่าเชื่อว่าจำเลยได้กระทำไปโดยถือวิสาสะที่จำเลยเป็นผู้คุ้นเคยกับสามีของผู้เสียหายและเคยหยิบยืมของของสามีผู้เสียหายไปใช้แม้สามีผู้เสียหายไม่ทราบ แล้วจำเลยก็นำมาคืนในภายหลัง การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาที่จะลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง”
พิพากษายืน