แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มอบให้การไฟฟ้านครหลวงดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและซอย ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ดังนี้ โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวน เงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไปแต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองดูแลทรัพย์สินอันเป็นสาธารณะประโยชน์ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ฐ. 2333 ชนเสาไฟฟ้าสาธารณะ เลขที่ 99ถนนพระโขนง-ลาดพร้าว อันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เสียหาย 10,000 บาทเจ้าหน้าที่ของโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าเสียหายดังกล่าวแล้วตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 จำเลยมีหนังสือรับสภาพหนี้ลงวันที่ 22มกราคม 2517 มายังโจทก์ว่า ตามที่แจ้งให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาทนั้น รถยนต์ของจำเลยเอาประกันไว้กับบริษัทสหวัฒนาประกันภัย จำกัดให้โจทก์ติดต่อกับบริษัทนั้นโดยตรง หากขัดข้องประการใด ขอให้แจ้งให้จำเลยทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการให้เป็นที่เรียบร้อยต่อไป ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ทนายโจทก์ได้ทวงถามแล้ว ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงิน 10,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2517จนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ทรัพย์รายพิพาทเป็นของการไฟฟ้านครหลวง มิใช่เป็นของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีของโจทก์ขาดอายุความ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้และมิได้ทำกับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธินำเอกสารนี้มาฟ้องจำเลย ฯลฯ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 10,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2517 จนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 30ตุลาคม 2517 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า 1. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง 2. เอกสารท้ายฟ้องหมาย 2 ไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ และ 3. คดีโจทก์ขาดอายุความ
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหายคิดเป็นเงิน 10,000 บาท จำเลยมีหนังสือเอกสารหมาย จ.4 ไปยังการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งโจทก์มอบให้ดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและซอย ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน ตามเอกสารหมาย จ.6, จ.7
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาจำเลยข้อ 1 โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า จำเลยทำให้เสาและโคมไฟฟ้านั้นเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
ฎีกาจำเลยข้อ 2 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 เป็นสำเนาเอกสารหมาย จ.4ข้อความในเอกสารหมาย จ.4 นี้ จำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไปตามเอกสารหมาย จ.3 แต่อย่างไร ทั้งบอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อบริษัทสหวัฒนาประกันภัย จำกัด ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ถือได้ว่าจำเลยยอมรับเป็นหนี้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวในเอกสารหมาย จ.3 เอกสารหมาย จ.4หรือเอกสารท้ายฟ้องหมาย 2 เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลย
ฎีกาจำเลยข้อ 3 จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปี ดังนั้นคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
พิพากษายืน