คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักย้ายหลักเขตที่ดินที่จำเลยขายแก่โจทก์ ขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินที่ขาด หรือใช้ราคา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องยักย้ายหลักเขตเป็นเรื่องเนื้อที่ที่ซื้อขายกันมีไม่ครบตามสัญญา และจะบังคับให้จำเลยใช้เงินราคาที่ดินไม่ได้ เพราะเป็นการฟ้องเรียกราคาที่ดินที่ขาดพิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่เรียกเงินที่ชำระให้แก่จำเลยเกินไป อันเป็นการฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้ จึงนำอายุความตามมาตรา467 มาบังคับไม่ได้ ต้องบังคับตามมาตรา 419 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการเรียกคืนลาภมิควรได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ชำระราคาที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์เกินไป 5,675 บาท 42 สตางค์และดอกเบี้ย ขอให้จำเลยคืนจำเลยต่อสู้ว่าขายเหมาไม่ได้คิดราคาซื้อขายกันเป็นไร่ หากฟังตามฟ้องของโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย และฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ วันพิจารณาคู่ความรับกันว่าเคยพิพาทกันในคดีของศาลชั้นต้น คดีแดงที่ 2/2489 โจทก์ จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง แต่ดอกเบี้ยไม่คิดให้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในข้อที่ว่า ฟ้องขาดอายุความ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักย้ายหลักเขตที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์ ขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินที่ขาด หรือใช้ราคา ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าไม่ใช่เรื่องยักยอกหลักเขตเป็นเรื่องเนื้อที่ที่ซื้อขายมีไม่ครบตามสัญญา และจะบังคับให้จำเลยใช้เงินราคาที่ดินไม่ได้ เพราะเป็นการฟ้องเรียกราคาที่ดินที่ขาด พิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิฟ้องใหม่

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องฟ้องเรียกเงินที่ชำระให้แก่จำเลยเกินไป อันเป็นการฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้ ไม่ใช่เป็นการฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานทรัพย์ที่ขายขาดตกบกพร่องไปจากสัญญา จะนำอายุความตามมาตรา 467 มาบังคับไม่ได้ ต้องบังคับตามมาตรา 419 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการเรียกคืนลาภมิควรได้และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เพิ่งรู้ถึงสิทธิของตนที่จะฟ้องเช่นนี้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเรื่องก่อน นับจากวันนั้นถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 1 ปี คดีหาขาดอายุความไม่

พิพากษายืน

Share