คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามยอมซึ่งมีใจความว่าโจทก์ต้องสร้างตึกให้เสร็จภายในกำหนด 1 ปีและให้จำเลยเข้าอยู่ได้ภายในกำหนดนี้ด้วยถ้าจำเลยเข้าอยู่ไม่ได้ภายในกำหนดดังกล่าวนั้น โจทก์ยอมให้จำเลยปรับ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยอมเข้าอยู่ในตึกพิพาทแม้จะช้ากว่ากำหนดที่กล่าวไว้ อันเป็นการยอมรับชำระหนี้ โดยจำเลยมิได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับ จำเลยจึงหมดสิทธิที่จะเรียกเอาค่าปรับจากโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381

ย่อยาว

กรณีที่พิพาทกันนี้เป็นเรื่องชั้นบังคับคดีโดยเดิมโจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องขับไล่แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ต่อมาวันที่ 4 กรกฎาคม 2512 นายเท่งโปและนางไซกิมจำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์ไม่ยอมให้จำเลยเข้าอยู่ในตึกที่สร้างเสร็จและไม่ยอมทำสัญญาเช่าให้ ศาลนัดโจทก์จำเลยมาสอบถาม ในที่สุดคู่ความตกลงกันให้จำเลยเข้าอยู่ โดยให้ถือสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาเช่าไปในตัว ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 6 สิงหาคม 2512ครั้นวันที่ 22 ตุลาคม 2512 นายเท่งโป และนางไซกิม จำเลยต่างยื่นคำร้องมีใจความอย่างเดียวกันมาอีกว่าสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 3 มีว่าโจทก์จะสร้างตึกให้เสร็จให้จำเลยเข้าอยู่ได้ภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยออกจากห้องพิพาท หากจำเลยเข้าอยู่ไม่ได้ภายในกำหนดนี้ โจทก์ยอมให้ปรับวันละ 150 บาทต่อห้องจนกว่าจะเข้าอยู่ได้ จำเลยได้ออกจากห้องไปตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2510 ซึ่งครบกำหนด 1 ปีในวันที่ 16 มิถุนายน 2511 แต่โจทก์ได้ส่งมอบห้องให้จำเลยเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2512ช้ากว่ากำหนด 433 วัน โจทก์ต้องเสียค่าปรับแก่จำเลยวันละ 150 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 64,950 บาท ได้เรียกร้องให้โจทก์ชำระแล้ว โจทก์ไม่ชำระขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินจำนวนที่กล่าวให้จำเลย

โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า โจทก์สร้างห้องเสร็จก่อนเดือนมิถุนายน 2511 และพร้อมที่จะส่งมอบให้จำเลย แต่จำเลยบิดพลิ้วไม่ยินยอมเข้าอยู่เองโดยไม่มีเหตุผลแต่อย่างไรก็ดี จำเลยสิ้นสิทธิที่จะเรียกค่าปรับจากโจทก์แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 เพราะจำเลยยอมรับมอบห้องไว้โดยมิได้สงวนสิทธิที่จะเรียกค่าปรับ

วันนัดพร้อมคู่ความรับกันว่า จำเลยได้ออกจากที่เช่าเพื่อการปลูกสร้างของโจทก์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2510 และโจทก์ปลูกสร้างตึกเสร็จภายในกำหนด 1 ปี ทั้งได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องไต่สวนและมีคำสั่งว่ากรณีเป็นเรื่องร้องซ้ำให้ยกคำร้อง ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ 300 บาท

นายเท่งโปและนางไซกิมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นายเท่งโปและนางไซกิมฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาวินิจฉัยเห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 3หมายถึงว่าโจทก์ต้องสร้างตึกให้เสร็จภายใน 1 ปี และให้จำเลยเข้าอยู่ได้ภายในกำหนดนี้ด้วย ข้อความต่อมาจึงย้ำไว้อีกว่า หากจำเลยเข้าอยู่ไม่ได้ภายในกำหนดนี้ (คือกำหนด 1 ปี) ยอมให้ปรับวันละ 150 บาทต่อห้องจนกว่าจะเข้าอยู่ได้ ไม่มีข้อความตอนใดที่จะแสดงให้เห็นว่า การที่จำเลยเข้าอยู่ไม่ได้ภายใน 1 ปี จะต้องเนื่องมาจากโจทก์สร้างตึกไม่เสร็จแต่เหตุเดียว ข้อความตอนต่อไปที่ว่า “….. ถ้าไม่สามารถสร้างได้เพราะเหตุใด ๆ ให้จำเลยหาช่างสร้างต่อไปให้เสร็จ ….ฯลฯ” นั้น เป็นข้อตกลงอีกอันหนึ่งไม่สนับสนุนให้เห็นว่าเป็นทางแก้ไขในเหตุที่จำเลยเข้าอยู่ในห้องพิพาทไม่ได้เพราะการที่โจทก์สร้างตึกไม่เสร็จแต่เหตุเดียวดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ แต่คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 6 สิงหาคม 2512 ว่า จำเลยยอมเข้าอยู่ในตึกพิพาทอันเป็นการยอมรับชำระหนี้แล้ว โดยมิได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับ จึงหมดสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับจากโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381

พิพากษายืนในผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องของนายเท่งโป แซ่เตียว และนางไซกิม แซ่เล้า จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share