คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าป่วย ทนายจำเลยแถลงว่าไม่ค้าน แต่ค้านว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานก่อนสืบพยานโจทก์ 3 วัน ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อน ส่วนการยื่นบัญชีระบุพยานเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 อีกชั้นหนึ่งหลังจากที่ศาลมีคำสั่งเรื่องการขอเลื่อนคดีแล้วจะถือว่าโจทก์หมดสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเสียในชั้นนี้ยังไม่ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยาน 3 วัน ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไปครั้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ดังนี้การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย และการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ ต่อมาจำเลยซึ่งไม่มีสิทธิในที่ดินดังกล่าวได้ไปขอออก น.ส.3 โดยอ้างว่าครอบครองมา โจทก์คัดค้าน เจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้โจทก์ฟ้องคดี จึงขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครอง

จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองในที่พิพาท

ศาลชั้นต้นให้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนโดยอ้างว่าทนายโจทก์ป่วย มีใบรับรองของแพทย์เป็นหลักฐาน ทนายจำเลยแถลงว่าไม่ค้าน แต่ค้านว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานก่อนสืบพยานโจทก์ 3 วัน ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานก่อนสืบพยาน 3 วันจริง ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้อง ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไป ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยโจทก์ยื่นคำแถลงขอยื่นบัญชีพยานและคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบแล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิจะยื่นบัญชีพยานได้ ให้ยกคำร้องของโจทก์ในส่วนนี้ แต่ให้รับไว้ในส่วนที่แถลงคัดค้านคำสั่งของศาลและหลังจากสืบพยานจำเลยแล้ว พิพากษาว่าเมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้องข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามที่จำเลยนำสืบว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อแรกจำเลยฎีกาว่า โจทก์หมดสิทธิระบุพยานแล้ว แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดี ก็ไม่ทำให้โจทก์ยื่นบัญชีพยานต่อศาลได้อีก และที่ทนายโจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าตนป่วยนั้นเป็นอุบายของทนายโจทก์ที่จะอ้างเหตุขอเลื่อนในทางไม่สุจริต เห็นว่า เมื่อทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนโดยอ้างเหตุว่าป่วย ทนายจำเลยไม่ค้านในข้อนี้ ก็เท่ากับทนายจำเลยยอมรับว่าทนายโจทก์ป่วยจริง ข้อที่ว่าทนายโจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าป่วยเป็นอุบายของทนายโจทก์ที่จะอ้างขอเลื่อนโดยไม่สุจริตนั้น จำเลยเพิ่งกล่าวอ้างในชั้นยื่นคำแก้อุทธรณ์ ที่ทนายจำเลยค้านว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ 3 วัน ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบนั้น ก็หาได้อ้างว่าการขอเลื่อนเป็นอุบายของทนายโจทก์อย่างใดไม่ เมื่อมีคำร้องขอเลื่อนการนั่งพิจารณาเช่นนี้ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อน ตามนัยแห่งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดี ก็ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะยื่นบัญชีพยานต่อศาลได้อีกนั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 อีกชั้นหนึ่งหลังจากที่ศาลมีคำสั่งเรื่องการขอเลื่อนคดีแล้วจะถือว่าโจทก์หมดสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเสียแต่ในชั้นนี้ยังไม่ได้

ข้อต่อมาจำเลยฎีกาว่า อุทธรณ์ของโจทก์มีคำขอเพียงว่า “ขอให้ศาลอุทธรณ์ได้โปรดมีคำพิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์” เท่านั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มิได้มีคำขอเพียงเท่าที่จำเลยอ้างเท่านั้นแต่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป อันมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย ซึ่งการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงหาเป็นการเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่

พิพากษายืน

Share