แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ได้ความว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดขาดทุนและมีทรัพย์สินเหลืออยู่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายของห้างที่ต้องใช้จ่ายเป็นประจำการดำเนินการต่อไปมีแนวโน้มที่มีแต่จะขาดทุนพฤติการณ์ที่หุ้นส่วนไม่ปรองดองกันแสดงให้เห็นว่าไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ถือได้ว่าขาดสิ่งอันเป็นสารสำคัญของการเข้าเป็นหุ้นส่วน หากจะเปลี่ยนตัวหุ้นส่วนผู้จัดการ ก็ไม่มีทางที่จะทำได้เพราะห้างนี้มีเพียงจำเลยที่ 1 คนเดียวเท่านั้นเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดนอกจากนั้นบัญชีของห้างบางรายการลงไว้ไม่ถูกต้อง รายจ่ายก็ปรากฏว่าจ่ายโดยหละหลวมฟุ่มเฟือยเกินกว่าความจำเป็น การดำเนินการของห้างปราศจากการควบคุมที่ดี เหล่านี้เป็นเหตุให้ห้างเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ ศาลย่อมพิพากษาให้ห้างดังกล่าวเลิกกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นกับจำเลยที่ 1 และนายสุรพงษ์จัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร เพื่อดำเนินกิจการเหมืองแร่ โดยผลิตแร่ฟลูออไรท์และแร่อื่น ๆเพื่อจำหน่ายตกลงลงทุนเข้าหุ้นกันคนละ 200,000 บาท และได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยมีจำเลยที่ 1 หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแต่ผู้เดียว ส่วนโจทก์กับนายสุรพงษ์เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด นับแต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรได้เริ่มทำกิจการเหมืองแร่ที่จังหวัดลำปางเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2514 ปรากฏว่ามีรายได้เป็นผลประโยชน์คิดเป็นเงินหลายแสนบาท แต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมิได้ทำบัญชีรายรับ รายจ่ายให้เรียบร้อยและถูกต้องตามกฎหมายจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังมิได้ทำบัญชีให้เป็นหลักฐาน ทำให้โจทก์ไม่สามารถตรวจสอบผลกำไรหรือขาดทุนที่แน่นอนได้ เงินรายได้ก็มิได้นำเข้าบัญชีธนาคารของห้างหุ้นส่วนให้ถูกต้อง โจทก์ได้ทักท้วงจำเลยที่ 1 ก็มิได้ดำเนินการแก้ไข นอกจากนี้เรื่องภาษีอากรต่าง ๆ โจทก์ก็ไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ชำระให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้องเพียงใดหรือไม่ ซึ่งต่อไปอาจเกิดความเสียหายถึงโจทก์ ขณะนี้เหมืองแร่ซึ่งเป็นกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรได้หยุดดำเนินกิจการแล้วโดยสิ้นเชิงหากปล่อยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร ยังคงอยู่ต่อไปก็รังแต่จะก่อให้เกิดหนี้สินและความเสียหายเพิ่มพูนขึ้นทุกปี ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ได้บอกเลิกหุ้นส่วนให้จำเลยทั้งสองทราบแล้ว แต่จำเลยทั้งสองมิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จึงขอให้มีคำสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทร แล้วแต่งตั้งนายสมคิดเป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป
จำเลยทั้งสองให้การว่า ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่เป็นเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดรายนี้ได้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรไม่ได้มีกำไรหลายแสน จำเลยได้ทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดไว้เรียบร้อยถูกต้องตามกฎหมายการเงินและภาษีของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยก็ได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายห้างหุ้นส่วนจำกัดอยู่ในวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปโดยมีทางฟื้นตัวได้ การขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีตามฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรเลิกกัน โดยให้จัดการชำระบัญชีไปตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
วินิจฉัยว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรตั้งขึ้นมาก็เพื่อดำเนินกิจการเหมืองแร่ โดยผลิตแร่ฟลูออไรท์และแร่อื่น ๆ เพื่อจำหน่าย แต่ไม่มีเหมืองของตนเอง ต้องเช่าคนอื่นเขาทำและต้องเช่ารถแทรกเตอร์มาใช้ในกิจการดังกล่าว เมื่อดำเนินกิจการมาได้ประมาณ 5 เดือน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขายแร่ได้เป็นเงิน 274,000 บาทเศษ ตามเอกสารหมาย จ.3 แต่ก็ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขาดทุนไปประมาณ 256,000 บาทเศษ ตามเอกสารหมาย จ.7 และได้หยุดดำเนินกิจการมาจนกระทั่งบัดนี้ จำเลยที่ 1 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการได้เรียกให้โจทก์และจำเลยที่ 2 นำเงินค่าหุ้นที่ยังค้างชำระอยู่มาลงเพื่อที่ห้างหุ้นส่วนจะได้ดำเนินกิจการต่อไป ปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมนำเงินมาชำระ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ยอมชำระด้วย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้หุ้นส่วนทุกคนจะลงเงินค่าหุ้นที่ยังค้างชำระอยู่ครบตามจำนวนที่เรียกไปก็ตาม แต่เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขาดทุนและมีทรัพย์สินเหลืออยู่สำหรับดำเนินการต่อไปเพียง 43,625.75 บาท เท่านั้น ซึ่งไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่ายของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่จะต้องใช้จ่ายประจำ การดำเนินการต่อไปก็ย่อมมีแนวโน้มที่มีแต่จะขาดทุน พฤติการณ์ที่หุ้นส่วนไม่ปรองดองกันย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ถือได้ว่าขาดสิ่งอันเป็นสารสำคัญของการเข้าเป็นหุ้นส่วน หากจะเปลี่ยนตัวหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่มีทางที่จะทำให้เพราะหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรมีจำเลยที่ 1 คนเดียวเท่านั้นที่เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด
ในเรื่องการทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการไม่จัดทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนให้เรียบร้อยและถูกต้องโดยนำนายสรสิทธิผู้ตรวจบัญชีเบิกความเป็นพยานว่า บัญชีมีรายการบางรายการลงไว้ไม่ถูกต้องและสมบูรณ์ทางการบัญชี รายจ่ายก็ปรากฏว่าจ่ายโดยหละหลวมและฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นของห้าง การดำเนินการของห้างปราศจากการควบคุมภายในที่ดี การรับจ่ายเงินดังที่กล่าวมาแล้วนี้ หากดำเนินกิจการต่อไปก็จะประสบแต่การขาดทุน แม้จำเลยจะอ้างว่าหุ้นส่วนยังมีอาชญาบัตรอีก 6 แปลงก็ปรากฏว่าเป็นชื่อของโจทก์เสีย 4 แปลงที่โจทก์ได้มาก่อนจะมีการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขึ้น ส่วนอีก 2 แปลงก็ปรากฏว่าเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดคิงฟอร์ไรด์ ทั้งตามเอกสารหมาย จ.7 ก็ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรขาดทุนอยู่จริงถึง 256,000 บาทเศษ ที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าการที่โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุนส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรก็เพราะไม่มีความไว้วางใจในตัวจำเลยที่ 1 ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการว่าจะดำเนินกิจการต่อไปให้สมประโยชน์ของโจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนและไม่มีทางจะเปลี่ยนตัวผู้จัดการได้ จึงมีเหตุทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ธนะภัทรเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว
พิพากษายืน