แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดีตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 ข้อ 27ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีพิเศษสำหรับคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศต้องใช้เป็นหลักในการพิจารณาคดี กรณีไม่อาจนำหลักเกณฑ์ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งใช้กับคดีแพ่งสามัญในส่วนที่ได้กำหนดไว้ในข้อกำหนดดังกล่าวแล้วมาใช้บังคับได้
วันที่ศาลกำหนดที่จะให้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินคดีมีความสำคัญอย่างยิ่งที่คู่ความจะต้องให้ความร่วมมือกับศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในการร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินคดีเพื่อให้สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม ทนายจำเลยซึ่งรับว่าความคดีการค้าระหว่างประเทศย่อมต้องทราบกฎหมายหรือข้อกำหนดดังกล่าวเป็นอย่างดีและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความสำหรับคดีชำนัญพิเศษนั้นเพื่อรักษาประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นตัวความ
ทนายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดีเป็นความผิดของทนายจำเลยเองที่ไม่ได้สนใจและเอาใจใส่ในการดำเนินคดีนี้ เมื่อเป็นความผิดของทนายจำเลยเองที่ไม่ให้ ความร่วมมือกับศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในการกำหนดแนวทางในการดำเนินคดีและกำหนดวันสืบพยานโจทก์ ในวันที่ทนายจำเลยว่างทนายจำเลยจึงยกเอาเหตุที่ตนไม่อาจมาศาล ในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ โดยอ้างเหตุที่ตนติดว่าความที่ศาลอื่น ซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ตามมาตรา 27แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯมาเพื่อขอเลื่อนคดีไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ให้ทำการขนส่งสินค้าทางทะเลเป็นจำนวน 2 เที่ยว คือ จากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเรือปลายทางประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย และจากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเรือปลายทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ซึ่งจำเลยตกลงจะชำระค่าระวางที่ต้นทางทั้งสองเที่ยว เมื่อโจทก์ได้ขนส่งสินค้าตามที่จำเลยได้ว่าจ้างแล้ว โจทก์ได้ส่งใบเรียกเก็บเงินค่าระวางเรือ ค่าภาระเรือและค่าธรรมเนียมใบตราส่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 801,751.50 บาทแก่จำเลย จำเลยขอผ่อนชำระโดยจะชำระให้แก่โจทก์ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2542 และยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จนถึงบัดนี้จำเลยชำระให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน เป็นเงินจำนวน 395,000 บาท เมื่อหักดอกเบี้ยและต้นเงินบางส่วนแล้ว จำเลยยังคงค้างชำระอยู่เป็นเงินจำนวน 481,633.45บาท โจทก์ทวงถามหลายครั้งแต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินคงค้างชำระจำนวนดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2542 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์เพียงบางส่วนจนถึงวันฟ้องเป็นเงินดอกเบี้ยจำนวน 5,245.18 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 486,878.63 บาท ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 486,878.63 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 481,633.45 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยว่าจ้างโจทก์ให้ส่งสินค้าไปยังประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย และประเทศสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ แต่จำเลยเคยเป็นลูกค้าว่าจ้างโจทก์ขนสินค้าและได้มีการชำระราคาค่าขนส่งครบถ้วนแล้ว จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์จำนวน 478,193.30 บาท และโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลย จำเลยไม่ได้ผิดนัดต่อโจทก์และไม่เคยตกลงให้โจทก์คิดดอกเบี้ย คดีของโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากโจทก์ฟ้องคดีเกิน 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าขนส่ง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 481,633.45 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่ามีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำให้การจำเลยในสำนวนว่า ทนายจำเลยมายื่นคำให้การจำเลยด้วยตนเองเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2542 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งว่ารับคำให้การจำเลย สำเนาให้โจทก์นัดพร้อมและหมายแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบ ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้นัดพร้อมในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2542 เวลา 9 นาฬิกาและทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดพร้อมดังกล่าวในคำให้การจำเลย โดยทนายจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าในวันนัดพร้อมนั้น ทนายจำเลยไม่อาจมาศาลได้ แสดงว่าทนายจำเลยพร้อมที่จะมาศาลในวันนัดพร้อมนั้นได้ซึ่งการนัดพร้อมดังกล่าวเป็นการนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดีตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540ข้อ 27 ดังปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2542 ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีพิเศษสำหรับคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางต้องใช้เป็นหลักในการพิจารณาคดีดังกล่าวไม่อาจนำหลักเกณฑ์ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งใช้กับคดีแพ่งสามัญในส่วนที่ได้กำหนดไว้ในข้อกำหนดดังกล่าวแล้วมาใช้บังคับได้ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวออกตามความในมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 เป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินคดีก่อนการสืบพยานหลักฐานของคู่ความ โดยการร่วมกันพิจารณาระหว่างศาลกับคู่ความว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีให้เป็นไปโดยสะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ตามที่มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศนั่งพิจารณาคดีติดต่อกันไปโดยไม่เลื่อนคดีจนกว่าจะเสร็จการพิจารณา ข้อกำหนดดังกล่าว ข้อ 27 ได้กำหนดวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไว้ในสาระสำคัญคือภายใต้บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการชี้สองสถาน ก่อนสืบพยานหลักฐานศาลอาจสั่งให้คู่ความทุกฝ่ายมาศาลเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดี ซึ่งรวมถึงการกำหนดระยะเวลาทั้งหมดในการดำเนินคดี กำหนดวัน เวลา วิธีการ และขั้นตอนในการดำเนินคดีที่จำเป็น เช่น จำนวนและรายละเอียดเกี่ยวกับพยานที่จะนำมาเบิกความบันทึกถ้อยคำแทนการสืบพยานบุคคล พยานผู้เชี่ยวชาญพยานเอกสารและพยานหลักฐานที่ต้องการให้ศาลเรียกจากคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุคคลภายนอกรวมทั้งการเผชิญสืบและการส่งประเด็นไปสืบยังศาลอื่น เป็นต้น กำหนดรายละเอียดและระยะเวลาเกี่ยวกับการทดลองทางเทคนิคหรือวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดี (โดยเฉพาะในคดีทรัพย์สินทางปัญญา) กำหนดตัวผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ตลอดจนไกล่เกลี่ยเพื่อให้เกิดการประนีประนอมยอมความหรือนำวิธีการอนุญาโตตุลาการมาใช้ดังนี้ วันที่ศาลกำหนดที่จะให้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินคดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่คู่ความจะต้องให้ความร่วมมือกับศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในการร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินคดีเพื่อให้สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม ทนายจำเลยซึ่งรับว่าความคดีการค้าระหว่างประเทศคดีนี้ย่อมต้องทราบกฎหมายหรือข้อกำหนดดังกล่าว ข้อ 27 เป็นอย่างดี และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความสำหรับคดีชำนัญพิเศษนั้นเพื่อรักษาประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นตัวความแต่เมื่อถึงวันนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดี ทนายจำเลยกลับไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทราบก่อนวันนัดหรือมอบฉันทะให้ผู้ใดมาแจ้งในวันนัดพร้อมแต่อย่างใด ดังปรากฏตามสำเนารายงานกระบวนพิจารณาของศาลดังกล่าวลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2542 คงมีแต่ทนายโจทก์มาศาล ซึ่งข้อเท็จจริงตามสำนวนปรากฏว่าทนายโจทก์ไม่ได้มาทราบวันนัดพร้อมด้วยตนเอง แต่ศาลดังกล่าวได้หมายแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบ โจทก์ก็ยังมาศาลตามที่ศาลนัด โดยให้ความร่วมมือกับศาลเป็นอย่างดี เห็นว่า ที่ทนายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดีเป็นความผิดของทนายจำเลยเองที่ไม่ได้สนใจและเอาใจใส่ในการดำเนินคดีนี้ เมื่อเป็นความผิดของทนายจำเลยเองที่ไม่ให้ความร่วมมือกับศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในการกำหนดแนวทางในการดำเนินคดีและกำหนดวันสืบพยานโจทก์ในวันที่ทนายจำเลยว่าง ทนายจำเลยจึงยกเอาเหตุที่ตนไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้โดยอ้างเหตุที่ตนติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาเพื่อขอเลื่อนคดีไม่ได้ ดังนั้นที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาสั่งในรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2542 ว่า คดีนี้ทนายจำเลยทราบวันนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดีโดยชอบแล้ว แต่ในวันนัดพร้อมทนายจำเลยมิได้มาศาลทั้งมิได้มอบหมายให้เสมียนทนายความมานัดวันพิจารณากับศาลแต่อย่างใดเมื่อศาลกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไปแล้วรวม 2 นัด ทนายจำเลยกลับมาขอให้ยกเลิกวันนัดโดยอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่น จึงเป็นความผิดของทนายจำเลยเอง พฤติการณ์เป็นการประวิงคดีจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและสืบพยานหลักฐานของโจทก์ไปนั้น ย่อมชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ประการต่อมาว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเนื่องจากคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าขนส่งสินค้าที่ค้างชำระแก่โจทก์ผู้ขนส่งจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่เคยว่าจ้างโจทก์ให้ส่งสินค้าตามคำฟ้องไปยังประเทศสหพันธสาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย และประเทศสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เพียงแต่เคยเป็นลูกค้าว่าจ้างโจทก์ขนสินค้าอื่นและได้มีการชำระค่าขนส่งให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์จำนวน 478,193.30 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลย จำเลยไม่ได้ผิดนัดและไม่เคยตกลงให้โจทก์คิดดอกเบี้ย คดีของโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากโจทก์ฟ้องคดีเกิน 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าขนส่ง ดังนี้ ตามคำให้การจำเลยดังกล่าวถือว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งรวมทั้งเหตุแห่งการปฏิเสธแล้วว่าจำเลยไม่ได้ว่าจ้างโจทก์ให้ส่งสินค้าตามคำฟ้องไปยังประเทศทั้งสองดังกล่าวจำเลยมิได้เป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์เรียกร้องและมิได้ผิดนัดโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความ 2 ปีนับแต่วันที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าขนส่ง คำให้การของจำเลยจึงชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้ว และเมื่อจำเลยได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งพร้อมด้วยเหตุแห่งการปฏิเสธ จำเลยย่อมมีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าสืบถึงข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ดังกล่าวได้ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเพราะเห็นว่าคำให้การจำเลยเป็นการปฏิเสธลอยโดยปราศจากเหตุแห่งการปฏิเสธนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้เพิกถอนคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2542 และให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่โดยนัดสืบพยานหลักฐานของจำเลยแล้ว พิพากษาไปตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่