คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2789/2543

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องรับผิดเสียภาษีอากรของห้างหุ้นส่วนจำกัดรวมถึง ห. ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077(2) และ 1087 เมื่อ ห. ถึงแก่ความตาย ความรับผิดในหนี้ค่าภาษีอากรจึงตกทอดแก่ทายาทตามมาตรา 1599 และ 1600 และเมื่อเจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้จึงต้องถือว่าทรัพย์มรดกยังคงอยู่ในระหว่างจัดการซึ่งผู้จัดการมรดกชอบที่จะทำการใด ๆ ในทางจัดการตามที่จำเป็นได้ตามมาตรา 1736 การที่จำเลยทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างแทน ห. ในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะผู้จัดการมรดกของห. หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นการกระทำการใด ๆ ในทางจัดการตามที่จำเป็นเพื่อชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่กองมรดกค้างชำระอยู่
การที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ห. ทำบันทึกยินยอมชำระหนี้อีกฉบับหนึ่งหลังจากฉบับแรก 9 เดือน ขอผัดผ่อนการชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างไปอีกคราวหนึ่ง ถือได้ว่าจำเลยทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ฉบับที่สองทั้งในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะผู้จัดการมรดกของห. เนื่องจากจำเลยทำบันทึกดังกล่าวขึ้นเพื่อขอผัดผ่อนการชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างตามที่ได้มีการทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ฉบับแรก โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กองมรดกย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องต่อจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมตามมาตรา 1737
แม้จำเลยจะทำบันทึกยินยอมชำระหนี้โดยไม่โต้แย้งทั้งสิ้น แต่ความรับผิดของจำเลยในฐานะทายาทเกี่ยวกับหนี้สินของ ห. เจ้ามรดกนั้น ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตนตามมาตรา 1601 นอกจากนี้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามมาตรา 1724 ด้วย ปัญหานี้เป็น ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ ยกขึ้นว่ากล่าวและวินิจฉัยมาในชั้นศาลภาษีอากร ศาลฎีกามีอำนาจ ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเจ้าพนักงานของโจทก์อาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา 71(1) ประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของห้างหุ้นส่วนจำกัดระบิลก่อสร้างในอัตราร้อยละ 5 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายคิดเป็นเงินภาษี254,877 บาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2526 และ 380,839 บาทสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2527 เครดิตภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่ายและภาษีชำระตามแบบ ภ.ง.ด.50 แล้ว คงเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องชำระเพิ่มสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2526 จำนวน 202,780.86 บาทและสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2527 จำนวน 303,925 บาทห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว โดยนางหวย บำรุงกลาง หุ้นส่วนผู้จัดการได้รับแจ้งการประเมินแต่ไม่ชำระค่าภาษีพร้อมเงินเพิ่มให้แก่โจทก์ ทั้งไม่ได้อุทธรณ์การประเมิน ห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวเป็นหนี้ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2526 และปี 2527 รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น810,630 บาท ซึ่งนางหวยในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์แต่นางหวยถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2532 ต่อมาวันที่ 7พฤษภาคม 2537 จำเลยซึ่งเป็นบุตรและเป็นผู้จัดการมรดกของนางหวยได้ทำหนังสือให้ไว้แก่โจทก์รับจะชำระหนี้ดังกล่าวให้ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามจึงขอให้จำเลยใช้เงิน 810,630 บาท แก่โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหวย บำรุงกลาง ชำระหนี้ภาษีอากรค้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดระบิลก่อสร้างจำนวน 810,630 บาท แก่โจทก์โดยจำเลยต้องร่วมรับผิดเป็นส่วนตัวไม่เกิน 597,882 บาท

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยมาสู่ศาลฎีกาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยต้องร่วมรับผิดในฐานะส่วนตัว ฐานะทายาทโดยธรรม และในฐานะผู้จัดการมรดกเป็นจำนวน 810,630 บาทตามฟ้องโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวนั้นรวมถึงนางหวยในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077(2) และ 1087เมื่อนางหวยถึงแก่ความตายความรับผิดในหนี้ค่าภาษีอากรจึงตกทอดแก่ทายาทตามมาตรา 1599 และ 1600 และเมื่อเจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้จึงต้องถือว่าทรัพย์มรดกยังคงอยู่ในระหว่างจัดการซึ่งผู้จัดการมรดกชอบที่จะทำการใด ๆ ในทางจัดการตามที่จำเป็นได้ตามมาตรา 1736 ฉะนั้นการที่จำเลยทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างแทนนางหวยในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหวยหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว ตามเอกสารหมาย จ.6 แผ่นที่ 25 จึงเป็นการกระทำการใด ๆ ในทางจัดการตามที่จำเป็นเพื่อชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่กองมรดกค้างชำระอยู่ ซึ่งขณะที่จำเลยทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.6 แผ่นที่ 25 ห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวมีหนี้ค่าภาษีอากรค้างจำนวน 597,882 บาท ต่อมาจำเลยไม่นำเงินค่าภาษีอากรไปชำระตามที่ได้ทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.6 แผ่นที่ 25 เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์จึงได้ติดตามทวงถามจำเลยอีกครั้ง จำเลยในฐานผู้จัดการมรดกของนางหวย จึงทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.3 แผ่นที่ 6 ซึ่งทำขึ้นหลังจากฉบับแรกประมาณ 9 เดือน โดยจำเลยขอผัดผ่อนการชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างไปอีกคราวหนึ่ง บันทึกดังกล่าวแม้จะไม่มีการระบุว่าจำเลยทำในฐานะทายาทโดยธรรมของนางหวยแต่ก็ถือได้ว่าจำเลยทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.6 แผ่นที่ 3 ทั้งในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหวยหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวเนื่องจากจำเลยทำบันทึกดังกล่าวขึ้นเพื่อขอผัดผ่อนการชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างตามที่ได้มีการทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.6แผ่นที่ 25 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ทั้งสองฉบับในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหวย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กองมรดกย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องต่อจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมตามมาตรา 1737 และแม้จำเลยจะทำบันทึกยินยอมชำระหนี้โดยไม่โต้แย้งทั้งสิ้นแต่ความรับผิดของจำเลยในฐานะทายาทเกี่ยวกับหนี้สินของนางหวยซึ่งเป็นเจ้ามรดกนั้น ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตนตามมาตรา 1601 นอกจากนี้การที่จำเลยทำบันทึกยินยอมชำระหนี้ทั้งสองฉบับดังกล่าวในฐานะผู้จัดการมรดกอีกฐานะหนึ่งย่อมแสดงว่าจำเลยมิใช่ลูกหนี้โจทก์โดยตรง จำเลยเพียงแต่ทำบันทึกยินยอมชำระหนี้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นบุตรีและเป็นผู้จัดการมรดกนางหวยผู้ถึงแก่ความตายที่เป็นลูกหนี้โจทก์เท่านั้น จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเช่นกันตามมาตรา 1724 ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวและวินิจฉัยมาในชั้นศาลภาษีอากรกลางศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 29 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) และ 246”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรับผิดในฐานะทายาทและในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหวย บำรุงกลาง ชำระเงินจำนวน 810,630 บาทแก่โจทก์

Share