แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้เป็นผู้ซื้อข้าวโพดให้โจทก์โดยให้ซื้อเฉพาะหน้าฉาง แต่จำเลยไปซื้อข้าวโพดจากประเทศลาว จำเลยได้ยืมเงินทดรองไปจากโจทก์จำนวนหนึ่ง จำเลยซื้อข้าวโพดแล้วยังเหลือเงินอยู่บ้าง ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยอมใช้เงินจำนวนที่เหลือนี้แก่โจทก์ จำเลยจะอ้างว่าเนื่องจากรัฐบาลสั่งปิดพรมแดนไม่สามารถนำข้าวโพดเข้ามาในประเทศได้ การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยย่อมฟังไม่ได้ เพราะเป็นความผิดของจำเลยเอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้มอบให้จำเลยเป็นผู้ซื้อข้าวโพดให้โจทก์โดยให้ซื้อเฉพาะหน้าฉาง จำเลยยืมเงินทดรองไป 215,000 บาท ได้ซื้อข้าวโพดเพียง 94,368 บาท 40 สตางค์ คงเหลือเงินอยู่ 120,631 บาท 60 สตางค์ จำเลยยักยอกไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ต่อมาจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์ แต่ก็ไม่ใช้ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบสองต่อปี
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ยืมเงินทดรองจากโจทก์ไปซื้อข้าวโพดจากประเทศลาว ได้ส่งเข้ามาแล้วบางส่วน ที่เหลือไม่สามารถนำเข้ามาได้เพราะรัฐบาลไทยสั่งปิดพรมแดน การชำระหนี้จึงเป็นพ้นวิสัย จำเลยชำระเงินแล้ว 30,000 บาท คงค้างเพียง 90,631 บาท 60 สตางค์ และจำเลยปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ จำเลยจึงพ้นความรับผิดหากจะต้องรับผิด คณะกรรมการดำเนินการก็ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 90,631 บาท60 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบสองต่อปีนับแต่วันที่ 31 มีนาคม 2519จนถึงวันฟ้องและดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เป็นผู้ซื้อข้าวโพดให้โจทก์ และได้ยืมเงินทดรองไปจากโจทก์เป็นเงิน215,000 บาท แต่จำเลยซื้อข้าวโพดส่งให้โจทก์เป็นเงินเพียง 94,368 บาท40 สตางค์ เงินที่เหลืออีก 120,631 บาท 60 สตางค์ จำเลยมิได้คืนให้โจทก์อ้างว่าเอาไปซื้อข้าวโพดที่ประเทศลาว และนำเข้ามาในประเทศไทยไม่ได้จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยอมใช้เงินให้โจทก์เป็นเงิน 120,631 บาท60 สตางค์ ปรากฏตามภาพถ่ายหนังสือรับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง
ประเด็นที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์มีผลบังคับหรือไม่ พิจารณาแล้วเห้นว่าที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์การเกษตรเมืองเลย จำกัด ลงมติให้นายรินทร์จำเลย มีอำนาจเต็มในการจัดซื้อขายข้าวโพด การซื้อให้ซื้อเฉพาะหน้าฉาง การที่จำเลยไปซื้อข้าวโพดจากประเทศลาว จึงเป็นการดำเนินการโดยฝ่าฝืนมติของที่ประชุมคณะกรรมการดังกล่าว ฉะนั้น ที่จำเลยว่าเนื่องจากรัฐบาลสั่งปิดพรมแดน ไม่สามารถนำข้าวโพดเข้ามาในประเทศไทยได้ การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยย่อมฟังไม่ได้ เพราะเป็นความผิดของจำเลยเอง หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์มีผลบังคับได้ จำเลยต้องรับผิดใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยกระทำในฐานะตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการของโจทก์ คณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ควรจะรับผิดชอบร่วมกับจำเลยนั้น เห็นว่าจำเลยผู้เดียวได้ยืมเงินทดรองจากโจทก์ไปซื้อข้าวโพดแล้วได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระหนี้โดยสิ้นเชิงได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน